รอยเตอร์ - เกิดเหตุกราดยิงภายในมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาของสหรัฐฯ ในเมืองชาร์ล็อตต์ เมื่อวันอังคาร (30 เม.ย.) เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน
ผู้ต้องสงสัยซึ่งสื่อท้องถิ่นรายงานว่าเป็นนักศึกษาได้ถูกตำรวจควบคุมตัว หลังชักปืนขึ้นมากราดยิงในวันเรียนวันสุดท้ายของภาคการศึกษา ก่อนที่จะมีการสอบไฟนอลในสัปดาห์หน้า
แซนดี ดีเอโลซัว โฆษกสำนักงานตำรวจชาร์ล็อตต์-เมคเลนเบิร์ก ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับน่าจะกระทำการเพียงลำพัง
สถานีโทรทัศน์ WBTV ในเมืองชาร์ล็อตต์รายงานว่า มีเสียงปืนดังขึ้นเมื่อเวลาราว 17.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นใกล้ๆ กับอาคารเคนเนดีฮอลล์ และตำรวจจับผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 คน
“เราทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อทราบว่ามีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาชาร์ล็อตต์ ดิฉันขอส่งกำลังใจไปถึงครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ประชาคมยูเอ็นซีซีทุกคน รวมถึงบุคคลกล้าหาญที่ลุกขึ้นตอบสนองเหตุการณ์เป็นคนแรกๆ เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น” วิโอลา อเล็กซานเดอร์ ไลเลส นายกเทศมนตรีเมืองชาร์ล็อตต์ แถลงผ่านทวิตเตอร์
สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินประจำเทศมณฑลเมคเลนเบิร์กยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 4 คนในที่เกิดเหตุ โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว และมีอยู่ 2 คนที่อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน
สถานีโทรทัศน์ WSOC-TV รายงานว่า มือปืนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ขณะที่ตำรวจยังไม่ยืนยันตัวตนของคนร้าย
สื่อท้องถิ่นและโซเชียลมีเดียต่างแชร์คลิปเหตุการณ์ขณะที่นักศึกษาถูกสั่งอพยพออกจากอาคารเรียนโดยชูมือขึ้นเหนือศีรษะ และมีตำรวจหลายนายวิ่งกรูเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความรุนแรงจากอาวุธปืนที่ชาวอเมริกันเริ่มเห็นจนชินตา
ข้อมูลจากเว็บไซต์ระบุว่า มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาที่ชาร์ล็อตต์มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนมากกว่า 26,500 คน และว่าจ้างพนักงานราว 3,000 คน
เหตุสังหารหมู่ในสถาบันการศึกษาขั้นสูงครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทคในเมืองแบล็กเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ปี 2007 โดยนักศึกษาชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งได้ลุกขึ้นมากราดยิงคนตาย 32 ศพ ก่อนจะลั่นไกปลิดชีพตนเอง
