เอเจนซีส์/เอพี - เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ( Dennis Muilenburg ) ประธานบริหบริษัทโบอิ้งออกมาแถลงต่อการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ที่ถูกจัดขึ้นในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ กล่าวโต้รายงานที่ถูกแฉว่า ทางโบอิ้งไม่ยอมทำให้ระบบเตือนภัย AOA บนเครื่องบิน737 Max ทำงาน ถ้าทางสายการบินไม่จ่ายเพิ่ม พร้อมยืนยันว่า ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่จะทำการอัปเด็ตจะทำให้ฝูงเครื่องบิน 737 Max กลายเป็นหนึ่งในฝูงบินที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก ท่ามกลางการประท้วงจากครอบครัวญาติผู้โดยสารที่เสียชีวิต มุยเลนเบิร์กรอดปาฎิหารย์หลังมติการออกเสียงให้แยกประธานบริหารออกจากประธานบอร์ดไม่ผ่าน มีผู้ถือหุ้นแค่ 34% โหวตสนับสนุน
บิสซิเนสอินไซเดอร์ สื่อธุรกิจรายงานเมื่อวานนี้(29 เม.ย)ว่า ในการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นที่ถูกจัดขึ้นในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ในวันจันทร์(29) พบที่ประชุมได้ออกเสียงมติที่จะให้มีประธานบอร์ดเป็นอิสระจากตำแหน่งประธานบริหาร
โดยชี้ว่าการมีประธานบอร์ดที่แยกต่างหากจะมีความเหมาะสมมากกว่าสำหรับยุทธศาสตร์ระยะยาวของบอร์ด เพื่อช่วยให้ เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ( Dennis Muilenburg ) ประธานบริษัทโบอิ้งมีเวลามากพอที่จะให้ความสนใจต่อการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาเครื่องบิน 737 Max ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยจนถูกแบนไปทั่วโลก และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครื่องบินบรรทุกน้ำมันของกองทัพอากาศรุ่น KC-46
แต่อย่างไรก็ตาม พบว่ามีเพียงแค่ 34% ของผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่ออกเสียงสนับสนุนมตินี้ อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ และพบว่า บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทบริการสถาบันผู้ถือหุ้น (Institutional Shareholder Services ) ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้ผู้ถือหุ้นโหวตสนับสนุนมติ แต่ทว่า ทางคณะกรรมการบริษัท ได้ออกมาแนะนำให้ทางผู้ถือหุ้นโหวตให้ตกไป
“การมีประธานกรรมการอิสระถือเป็นจุดที่ดีที่สุดในการสร้างยุทธศาสตร์การวางแผนของบรรดาคณะกรรมการบริษัท ขณะที่เดียวกันสามารถปล่อยให้ประธานบริหารของพวกเราทำหน้าที่ ที่ท้าทายของการแก้ปัญหาในแต่ละวันที่เกิดขึ้นกับบริษัท” รายงานจากแถลงการณ์ของกลุ่มโบอิ้งส์ 2019 (Boeing's 2019 )
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “บทบาทของประธานกรรมการและประธานบริหารนั้นมีความต่างในขั้นพื้นฐาน และควรที่จะถูกทำหน้าที่โดยผู้อำนวยการ 2 คน จากทั้งซีอีโอและประธานบริหารที่มีความเป็นอิสระจากตำแหน่งประธานบริหารบริษัทของเราโดยสิ้นเชิง”
ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของการประชุม เดอะการ์เดียนชี้ว่า มุยเลนเบิร์กได้ขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ทำการสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่เหยื่อผู้โดยสารที่เสียชีวิตจากเหตุ 2 เที่ยวบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ที่ตก
บริเวณด้านนอกการประชุมพบมีการประท้วงเกิดขึ้น
โดยกลุ่มครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ถือป้ายประกาศเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีเอาผิดมุยเลนเบิร์กจากความผิดการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจากน้ำมือบริษัท และรวมไปถึงภาพถ่ายขนาดใหญ่ของผู้โดยสารที่เสียชีวิต ซึ่งพบว่ามีเพื่อนและครอบครัวของ ซัมยา สตูโม(Samya Stumo) เหยื่อผู้โดยสารสายการบินเอธิโอเปียรวมอยู่ในนั้น
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ซีอีโอโบอิ้งประกาศปฎิเสธที่จะลาออก โดยยืนยันว่า “ความตั้งใจของผมอย่างชัดเจนคือ ยังคงทำหน้าที่บริหารต่อไป”
ต่อหน้าบรรดาผู้ถือหุ้น มุยเลนเบิร์กกล่าวว่า ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่จะทำการอัปเด็ตจะทำให้ฝูงเครื่องบิน 737 Max กลายเป็นหนึ่งในฝูงบินที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้เอพีรายงานว่า สายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส (Southwest Airlines) ออกมายืนยันว่า ทางบริษัทโบอิ้งไม่ได้เปิดเผยต่อเซาท์เวสต์ว่า โบอิ้งได้ปิดออปชันระบบเตือนภัยของฝูงบิน 737 Max ของทางสายการบินจนกระทั่งเครื่อง 737 Max ของสายการบินไลออนแอร์เกิดตกในปีที่แล้ว จึงยอมบอก
เอพีชี้ว่าการรายงานถึงการปกปิดของโบอิ้งเกิดขึ้นในรายงานครั้งแรกของวอลสตรีทเจอร์นัลเมื่อวันอาทิตย์(28) ที่ได้กล่าวว่า ***ระบบการเตือนภัยที่ปรากฎในเครื่องบินโบอิ้ง 737 รุ่นก่อนหน้าจะสามารถทำงานบนเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max หากว่าทางบริษัทสายการบินจะยอมจ่ายเพิ่มในแพ็กเกจความปลอดภัยเสริม***
เอพีรายงานว่า ปัญหาที่จะถูกเตือนต่อนักบินหากว่าระบบเซนเซอร์ที่มีชื่อว่า “เซนเซอร์ตรวจวัดมุมปะทะ" (Angle-of-attack )" หรือระบบเตือน AOA อินดิเคเตอร์ส กำลังส่งข้อมูลที่เป็นลบเกี่ยวกับองศาของจมูกเครื่องบิน ซึ่งการเตือนของระบบเซนเซอร์ถูกพบว่าทำงานปกติในรุ่นก่อนๆของโบอิ้ง 737 แต่พบว่าถูกสั่งให้ปิดการทำงานในรุ่นซีรีส์ 737 Max
และในรายงานยืนยันว่า ทางสำนักงาน กำกับการบินสหรัฐฯ FAA และะบรรดาผู้กำกับต่างไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
เอพีชี้ว่า ทางโบอิ้งอ้างว่า เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง Max กลับขึ้นบินได้อีกครั้ง ผู้โดยสารทุกคนจะได้รับระบบเตือน AOA ทำงานตามมาตรฐาน
ในรายงานของคอวร์ตซ์( Quartz) ของวันนี้(30) โบอิ้งอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดระบบเตือนภัยนี้ ที่ทางคอวร์ตซ์กล่าวว่า ทางโบอิ้งมีปัญหาในความพยายามอธิบายว่า ระบบการเตือนภัยทำงานเดี่ยวนี้ถึงไม่ทำงานจากปัญหาที่ โบอิ้ง 737 MAX จำเป็นต้องใช้เพื่อเตือนปัญหาของเครื่องถึง องศาของเครื่องบินในความสัมพันธ์ของอากาศที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามานั้นไม่มีความสอดคล้องกัน
ทางโบอิ้งเคยออกมาอ้างว่า ปัญหาการให้ค่าความคลาดเคลื่อนจะไม่เกิดขึ้นหากว่าได้มีการตั้งบินอัตโนมัติ แต่จะประสบปัญหาจากการบินแบบ Manual Flight เท่านั้น
พบว่าในเครื่องบิน 737 MAX ทั้ง 2 ลำที่ตก ไม่พบว่ามีลำไหนที่เปิดระบบการทำงานของระบบเตือนภัย AOA ชี้ให้เห็นว่า สายการบินไลออนแอร์และสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ส ไม่ได้จ่ายออปชันเสริมความปลอดภัยให้กับโบอิ้ง ทำให้นักบินของเที่ยวบินไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันการ
โดยในการเปิดเผยของสายการบินเซาท์เวสต์ผ่านแถลงการณ์วันอาทิตย์(28) พบว่า ในหนังสือคู่มือที่มาพร้อมกับการส่งมอบให้ข้อมูลที่ผิดพลาด
"ในการส่งมอบ(ก่อนเกิดเหตุกับสายการบินไลออนแอร์) ทางเราเข้าใจว่าระบบ "AOA Disagree lights" ทำงาน บนเครื่องบินโบอิ้ง MAX ทุกลำโดยที่ไม่จำเป็นว่า ต้องมีการซื้อระบบเสริม AOA อินดิเคเตอร์สบน PFD (Primary Flight Display) "ก่อน
ทั้งนี้ระบบ PFD จะบอกข้อมูลต่างๆที่สำคัญเกี่ยวกับการบิน
และในแถลงการณ์ของสายการบินเซาท์เวสต์ยังระบุต่อว่า "ในการแถลงถึงคู่มือที่ทำการสาธิตโดยโบอิ้งต่อทางเซาท์เวสต์ในพิธีมอบฝูงบิน MAX เข้าประจำการ ชี้ว่า ระบบ "AOA Disagree lights" นั้นทำงานบนเครื่องเหมือนกับระบบ lights บนรุ่นซีรีส์ NG ของพวกเรา"
โดยในประเด็นสำคัญ บริษัทสายการบินเซาท์เวสต์ชี้ว่า "แต่หลังจากเหตุเกิดกับเครื่องสายการบินไลออนแอร์ ทางโบอิ้งได้แจ้งเตือนเราว่า ระบบ AOA Disagree Lights จะไม่ทำงานหากว่า ไม่มีการสั่งซื้อระบบเสริม "AOA อินดิเคเตอร์ส" ก่อน และในเวลานั้นทางเซาท์เวสต์ได้ติดตั้งระบบเสริมที่ว่านี้ ส่งผลทำให้ระบบ AOA Disagree Lights ทำงานได้ในที่สุด"
ซึ่งในงานประชุมผู้ถือหุ้นในวันจันทร์(29) มุยเลนเบิร์กกล่าวยืนยันต่อหน้าบรรดาผู้ถือหุ้นว่า ทางบริษัทไม่ได้ทำให้มาตรฐานความปลอดภัยเป็นออปชันเสริมตอบโต้การรายงานของวอลสตรีทเจอร์นัลวันอาทิตย์(28)
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า มุยเลนเบิร์กกล่าวกับผู้ถือหุ้นว่า เขาจะขึ้นเครื่องบิน 737 Max ในเที่ยวบินแรก
