เอเอฟพี – รายจ่ายของกองทัพสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ซึ่งสะท้อนทิศทางนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติแห่งกรุงสตอล์กโฮล์ม (SIPRI) เผยในรายงานล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.)
ผลวิจัยของ SIPRI ระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกใช้จ่ายงบด้านการทหารเพิ่มขึ้นราว 2.6% มาอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา
“ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เกิดจากโครงการจัดซื้ออาวุธใหม่ๆ ภายใต้รัฐบาล ทรัมป์ ตั้งแต่ปี 2017” โอด เฟลอรองต์ ผู้อำนวยการโครงการค่าใช้จ่ายด้านอาวุธและการทหาร (AMEX) ของสถาบัน SIPRI ระบุ
สหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวใช้งบการทหารไปราวๆ 649,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากพอๆ กับยอดรวมของอีก 8 ประเทศที่อยู่ในอันดับรองลงมา
อย่างไรก็ตาม SIPRI ระบุว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างก็มีส่วนทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการทหารทั่วโลกในปีนี้พุ่งสูงเป็นสถิติใหม่
งบประมาณกองทัพจีนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 83% เมื่อเทียบกับปี 2009 และจีนยังเป็นประเทศที่ใช้จ่ายงบด้านการทหารมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ตามมาด้วยซาอุดีอาระเบีย, อินเดีย และฝรั่งเศส
ผลการศึกษาชี้ว่า ปักกิ่งทุ่มเม็ดเงินราวๆ 1.9% ของจีดีพีไปกับการพัฒนากองทัพมาตั้งแต่ปี 2013
รัสเซียเริ่มตัดลดงบประมาณกองทัพลงตั้งแต่ปี 2016 และไม่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกในรายงานล่าสุดของ SIPRI
การผนวกคาบสมุทรไครเมียและเข้าไปถือหางกบฏแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกทำให้รัสเซียต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งบทลงโทษเหล่านี้มีส่วนทำให้มอสโกต้องลดรายจ่ายด้านกลาโหมลง
ด้านยูเครนจ่ายงบประมาณอุดหนุนกองทัพเพิ่มขึ้นถึง 21% ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่ประมาณ 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ