xs
xsm
sm
md
lg

ซัมมิต ‘เส้นทางสายไหมใหม่’ ปิดฉากลง ‘จีน’ มุ่งเติมความนุ่มนวลให้แผนการยักษ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ขณะเดินทางถึงสถานที่แถลงข่าว ภายหลังเป็นประธานของการประชุมซัมมิตแผนการริเริ่มแถบและเส้นทาง เมื่อวันเสาร์ 27 เม.ย.
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - จีนพยายามแต่งเติมเพิ่มความนุ่มนวลให้แก่รูปโฉมหน้าตาของแผนการอันใหญ่โตมโหฬารของตน ที่จะสร้างเส้นทางสายไหมเก่าขึ้นมาใหม่ โดยระบุ ณ การประชุมซัมมิตซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลงในวันเสาร์ (27 เม.ย.) ที่ผ่านมาว่า จะอธิบายแจกแจงโครงการนี้ให้บังเกิดความเข้าใจได้รับความสนับสนุนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับยืนยันว่านี่จะเป็นโอกาสซึ่งก่อให้เกิดการเจริญเติบโต “ด้วยคุณภาพสูง” สำหรับทุกๆ ฝ่าย โดยที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและบังเกิดความมั่นคงยั่งยืน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศเน้นย้ำว่า เส้นทางสายไหมใหม่ หรือที่เวลานี้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า แผนการริเริ่มแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative ใช้อักษรย่อว่า BRI) เป็นเสาหลักเสาหนึ่งของคณะบริหารของเขา แต่แผนการริเริ่มนี้ก็เผชิญการคัดค้านต่อต้านในบางประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ ด้วยการโจมตีว่ามีวิธีดำเนินการปล่อยเงินกู้อย่างไม่โปร่งใส จนทำให้เกิดภาระหนี้สินที่ประเทศผู้รับทนแบกไม่ไหว อีกทั้งเป็นแผนการซึ่งมุ่งส่งเสริมแผ่ขยายอิทธิพลของจีนมากกว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างแท้จริง

เท่าที่ผ่านมาจีนได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ข้อสงสัยข้องใจเหล่านี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว โดยมีความโน้มเอียงที่จะเล่นงานพวกที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพวกที่แอบซ่อนอคติมุ่งต่อต้านจีนและปรารถนาที่จะจำกัดปิดล้อมไม่ให้แดนมังกรผงาดขึ้นมา ขณะที่เมินเฉยไม่ยอมตริตรองว่าสิ่งที่ปักกิ่งพูดนั้นเป็นไปด้วยเจตนารมณ์ดีงามจริงๆ

แผนการริเริ่มแถบและเส้นทางนี้ มุ่งที่จะสร้างเส้นทางสายไหมเวอร์ชั่นยุคใหม่สมัยใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะเชื่อมโยงจีนเข้ากับส่วนต่างๆ ของเอเชีย, ยุโรป และดินแดนถัดไปจากนั้นอีก โดยผ่านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จำนวนมากมาย

เมื่อวันศุกร์ (26) สี จิ้นผิง บอกกับพวกผู้นำต่างประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้ก็รวมถึงพันธมิตรที่สนิทชิดเชื้อ อย่างเช่น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีอิมรัน ข่าน ของปากีสถาน ว่าแผนการ BRI จะต้องมีสีเขียวนั่นคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และต้องมีความมั่นคงยั่งยืน พร้อมกับเสริมด้วยว่า แผนการนี้จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเจริญเติบโต “ด้วยคุณภาพสูง” แก่ทุกๆ ฝ่าย

ระหว่างที่พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ สีกล่าวว่าแผนการแถบและเส้นทางเป็นเรื่องเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนความร่วมมือกันระหว่างประเทศที่ให้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน และเป็นผู้ชนะกันทุกฝ่าย ไม่ใช่เป็นกลอุบายประเภท “แกแพ้ ข้าชนะ” ทั้งนี้ ตามเนื้อหาถอดคำสนทนาที่เผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศจีน

“เราจะต้องอธิบายจุดนี้ให้โลกได้รับรู้ เพื่อให้ได้รับความเข้าอกเข้าใจและความสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกมากมาย”

จีนพยายามแสดงให้เห็นว่า BRI กำลังได้รับการยอมรับจากพวกชาติตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก อิตาลี กลายเป็นสมาชิกกลุ่ม จี7 ชาติแรกที่ลงนามเข้าร่วมแผนการริเริ่มนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ทั้งรัฐมนตรีคลังของอังกฤษ, รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี ต่างก็เดินทางมากรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมงานประชุมคราวนี้กันทั่วหน้า

อย่างไรก็ดี ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปเหล่านี้ พยายามเตือนจีนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรฐานและความโปร่งใสในระดับสูง

แม้กระทั่ง อองซานซูจี ผู้นำในทางพฤตินัยของชาติที่เป็นมิตรดีของจีนอีกรายหนึ่งอย่างพม่า ก็กล่าวว่า BRI จะต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงต่างๆ

“โครงการต่างๆ เหล่านี้ต้องไม่เพียงแค่มีความเป็นไปได้ในทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังจะต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุด โครงการเหล่านี้จะต้องได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับความสนับสนุนจากบรรดาชุมชนในท้องถิ่น” เธอกล่าวต่อที่ประชุมซัมมิต

การประชุมซัมมิตปีนี้ มีลักษณะที่ค่อนข้างโลว์โปรไฟล์ หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้หวือหวาครึมโครมเท่ากับการประชุมซัมมิต BRI หนแรกเมื่อ 2 ปีก่อน

สี ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ของข้อตกลงใหม่ๆ เกี่ยวกับแผนการริเริ่มนี้ ถึงแม้เขาประกาศว่า ระหว่างการประชุมซัมมิต ได้มีการลงนามทำดีลกันคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 64,000 ล้านดอลลาร์

สื่อของรัฐก็บันยะบันยังในการรุกทางด้านโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเมื่อปี 2017 ได้มีการเผยแพร่เพลงหลายเพลงทางสื่อสังคมเพื่อสรรเสริญ BRI โดยใช้ภาษาอังกฤษที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วน
<i>ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ขวา) จับมือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระหว่างพิธีต้อนรับในวันสุดท้ายของการประชุมแถบและเส้นทาง เมื่อวันเสาร์ 27 เม.ย. </i>
ทุเรียนพูดได้

อย่างไรก็ดี กลไกโฆษณาชวนเชื่ออันน่าเกรงขามของจีนก็ไม่ใช่เงียบหายไปอย่างสิ้นเชิงหรอก

ตัวอย่างเช่น สถานเอกอัครราชทูตจีนในไทยได้เผยแพร่คลิปวิดีโอพูดภาษาจีน มีเนื้อหาเป็นตัวการ์ตูนทุเรียนกำลังอธิบายว่า แผนการริเริ่มแถบและเส้นทางดีอย่างไรสำหรับผลไม้กลิ่นแรงจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในจีน โดยบอกว่าถนนหนทางที่ดีขึ้นหมายความว่าการส่งออกทุเรียนจะทำได้เร็วขึ้นและถูกลง

“ต้องขอบคุณแผนการริเริ่มแถบและเส้นทาง การเดินทางของเราราบรื่นขึ้นเยอะ” ทุเรียนอธิบาย

กระนั้น ปักกิ่งยังคงไม่สามารถเอาชนะใจวอชิงตันได้ โดยที่ซัมมิตปีนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปปรากฏตัวเลย

สถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในปักกิ่งยังกล่าวย้ำข้อโจมตีของวอชิงตันที่ว่า “มีความวิตกกังวลอย่างจริงจังว่า กิจกรรมการทูตด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีน ละเลยหรือสร้างความอ่อนแอให้แก่มาตรฐานนานาชาติและวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของนานาชาติ ในด้านที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา, การคุ้มครองแรงงาน, และการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม”

โกลบอลไทมส์ สื่อแทบลอยด์ซึ่งเป็นที่นิยมอ่านกันกว้างขวาง และอยู่ในเครือเดียวกับ เหรินหมินรึเป้า (People's Daily) สื่ออย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวในบทบรรณาธิการที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (26) ว่า สหรัฐฯและพวกนักวิพากษ์วิจารณ์อื่นๆ “ได้สูญเสียความสามารถของพวกเขาในการใช้หลักตรรกะและสามัญสำนึกไปเสียแล้ว และกระทั่งการขบคิดไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผล” เมื่อมาถึงเรื่องแผนการ BRI

“การโกหกหลอกลวง, การคิดอย่างโลดโผนไกลความจริง และการยึดมั่นในความคิดเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดอิทธิพลที่แท้จริงใดๆ ขึ้นมาได้” บทบรรณาธิการนี้กล่าว พร้อมกับย้ำว่า “BRI คือการวางศิลาฤกษ์ให้แก่ความพากเพียรพยายามระดับนานาชาติสำหรับศตวรรษที่ 21”

ขณะที่จีนกำลังอธิบายภาพวิสัยทัศน์ของแผนการริเริ่มแถบและเส้นทางให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั้น พวกเขาก็ดูจะเพิ่มน้ำเสียงแห่งการป้องกันตนเองมากขึ้นในเวลาปฏิเสธสิ่งที่พวกเขาเห็นว่า นั่นไม่เกี่ยวกับ BRI

เมื่อวันพุธ (24) หรือวันก่อนหน้าการประชุมซัมมิตคราวนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ บัญชี “วีแชท” ของเหรินหมินรึเป้า ได้เผยแพร่ข้อเขียนแบบถาม-ตอบ” ซึ่งมุ่งที่จะ “ใช้ข้อเท็จจริงมากตอบโต้” พวกนักวิพากษ์วิจารณ์

คำถามหนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ “จากแผนการริเริ่มแถบและเส้นทาง จีนกำลังสร้างกับดักแห่งหนี้สิน (เพื่อหลอกล่อชาติต่างๆ ให้ตกลงไป) ใช่หรือไม่?”

“สาเหตุต่างๆ ที่ให้ประเทศหนึ่งๆ ติดหนี้ติดสินนั้นเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน บางรายมีปัญหาเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของพวกเขา บางชาติมีเรื่องราวเก่าๆ ที่ตกทอดมาจากประวัติศาสตร์ยาวไกล” ส่วนหนึ่งของคำตอบปัญหาข้อนี้ ระบุเอาไว้เช่นนี้

“แผนการริเริ่มแถบและเส้นทางเพิ่งมีอายุ 6 ปีเท่านั้น จึงไม่ชอบด้วยเหตุผลเป็นอย่างยิ่งที่จะมาประณามกันอย่างง่ายๆ ว่า จีนเป็นตัวการของปัญหาที่ดำรงมาอย่างยาวนานของประเทศเหล่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น