เอเจนซีส์ - ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ "โบอิ้ง" ยกเลิกตัวเลขแนวโน้มผลประกอบการประจำปี 2019 ในวันพุธ (24 เม.ย.) รวมถึงหยุดการซื้อหุ้นคืน พร้อมประกาศว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์ จากการที่ 737 MAX ถูกสั่งห้ามบินในหลายประเทศ
ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 103 ปี หลังจากเกิดภัยพิบัติกับสายการบิน ไลออน แอร์ ในประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมปีที่แล้ว และอีกสายการบินหนึ่งของเอธิโอเปีย
โบอิ้งที่กำลังหาทางทำให้เครื่องบินรุ่นเจ้าปัญหากลับมาบินได้อีกครั้งบนอากาศ ถูกคาดการณ์ว่ากำไรลดลงอย่างมากเนื่องจากการหยุดส่งมอบเครื่องบิน 737 MAX และการชะลอตัวของการผลิต
ระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์ในวันพุธ นักลงทุนอยากได้คำตอบว่าโบอิ้งวางแผนที่จะซ่อมแซมภาพลักษณ์ของพวกเขาอย่างไรในด้านการบิน และยับยั้งความเสียหายทางการเงิน ซึ่งภาพรวมจะไม่ปรากฏจนกว่าจะสิ้นสุดไตรมาสที่สอง เนื่องจากการลดการผลิต 737 ยังไม่เริ่มขึ้นจนกว่าจะถึงกลางเดือนเมษายน
โบอิ้งระบุในวันพุธว่า ได้เร่งผลิตเครื่องบิน 787 Dreamliner เป็น 14 ลำต่อเดือนจากเดิม 12 ลำในไตรมาสแรก ขณะที่เครื่องบิน 777X ยังคงเดินหน้าทดสอบการบินในปีนี้ และทำการส่งมอบในปี 2020
เหตุการณ์เครื่องบินตกของโบอิ้ง ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกสั่งห้ามบิน 737 MAX และก่อให้เกิดการสืบสวนต่อการพัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้ โดยหน่วยงานด้านคมนาคมและกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา
โบอิ้งยังกล่าวอีกว่าได้สงวนค่าใช้จ่ายที่ไม่ระบุรายละเอียด เกี่ยวกับการพัฒนาแก้ไขระบบควบคุมการบิน MCAS และการฝึกอบรมนักบิน รวมถึงกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อรับรองซอฟต์แวร์ หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบมากกว่า 135 ครั้ง
โบอิ้งลดการผลิตเครื่องบิน เหลือแค่ 42 ลำต่อเดือน ลดลงจาก 52 ลำ ส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน
โบอิ้งระบุว่า จะเผยตัวเลขใหม่สำหรับแนวโน้มทางการเงินเมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่เมื่อเดือนมกราคม เคยคาดว่ารายรับทั้งปีจะอยู่ที่ 109.5 พันล้านดอลลาร์ถึง 111.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระหว่าง 19.90 ถึง 20.10 ดอลลาร์