รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องวานนี้ (15 เม.ย.) ให้ค่ายอากาศยานโบอิ้งพิจารณาเปลี่ยนชื่อเครื่องบินตระกูล 737 แม็กซ์ หลังเกิดอุบัติเหตุตก 2 ครั้งซ้อนในเวลาไม่กี่เดือนจนนำไปสู่คำสั่งห้ามบินทั่วโลก ขณะที่โบอิ้งยืนยันจะเน้นแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นของลูกค้า
เจ้าหน้าที่สายการบินต่างๆ ได้ประชุมหารือกับโบอิ้งมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อกำหนดมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นหลังจากที่ โบอิ้ง 737 แม็กซ์ ผ่านการรับรองความปลอดภัยและถูกนำกลับมาให้บริการอีกครั้ง
ทรัมป์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าของสายการบิน ทรัมป์ ชัตเทิล แอร์ไลน์ เมื่อช่วงปี 1989-1992 และยังสนใจเรื่องราวในแวดวงการบินเรื่อยมา ได้ออกมาให้คำแนะนำโบอิ้งเมื่อเช้าวันจันทร์ (15)
“ผมรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับแบรนด์ อาจจะไม่เลย (แต่ผมได้เป็นประธานาธิบดีนะ!) แต่ถ้าผมเป็นโบอิ้ง ผมจะแก้ไขโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ใส่คุณสมบัติเด็ดๆ เข้าไปเพิ่ม และรีแบรนด์เครื่องบินรุ่นนี้ด้วยชื่อใหม่ ไม่เคยมีผลิตภัณฑ์ตัวไหนเสียชื่อมากเท่านี้ แต่ก็นั่นแหละ.. ผมจะไปรู้อะไร?” ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความ
ทวีตของ ทรัมป์ ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาตั้งคำถามกับแบรนด์ ‘แม็กซ์’ ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะทำกำไรมหาศาลให้กับโบอิ้งตลอดหลายปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดโบอิ้งยืนยันว่า การเปลี่ยนชื่อโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และคงยากที่จะเป็นไปได้
โฆษกโบอิ้งได้ออกมาตอบคำชี้แนะของประธานาธิบดีว่า เป้าหมายของโบอิ้งในขณะนี้คือการเรียกความเชื่อมั่นจากสาธารณชน และผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดก็คือนักบิน
“ความเชื่อมั่นที่นักบินมีต่อเครื่องบินจะทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือรู้สึกเชื่อมั่นด้วยเช่นกัน” กอร์ดอน จอห์นโดร รองประธานฝ่ายสื่อสารของโบอิ้ง ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
โบอิ้งอยู่ระหว่างเตรียมส่งมอบซอฟต์แวร์ที่ผ่านการปรับปรุงใหม่และจัดทำแผนอบรมนักบินเพื่อเข้าสู่กระบวนการรับรองความปลอดภัย ขณะที่องค์กรกำกับการบินทั่วโลกก็เตรียมพิจารณาสิ่งที่ โบอิ้ง จะนำมาเสนอ
โบอิ้ง 737 แม็กซ์ ถือเป็นเครื่องบินโดยสารรุ่นขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของโบอิ้ง และทำรายได้ให้บริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยมีออเดอร์สั่งซื้อถึง 5,000 ลำซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาผลิตและส่งมอบประมาณ 7 ปี
เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโบอิ้ง ได้ออกมาขอโทษในนามบริษัทต่อเหตุเครื่องบินไลอ้อนแอร์ตกเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว และกรณีเอธิโอเปียนแอร์ไลน์สโหม่งโลกเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันถึง 346 คน พร้อมรับปากว่าโบอิ้งจะแก้ไขระบบซอฟต์แวร์ป้องกันการสูญเสียแรงยก (MCAS) ใน 737 แม็กซ์ ไม่ให้ทำงานโดยอัตโนมัติในกรณีที่เซ็นเซอร์อ่านค่าผิดพลาด
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การฟื้นตัวจากปัญหา 737 แม็กซ์ ถือเป็นดัชนีชี้วัดว่าโบอิ้งจะยังเป็นผู้ผลิต 1 ใน 2 รายที่ผูกขาดตลาดการบินโลกร่วมกับแอร์บัสจากยุโรปต่อไปหรือไม่ เนื่องจากโบอิ้งต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะพัฒนาเครื่องบินทางเดินเดี่ยวรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด