เอพี - เจ้าหน้าที่ทูตตะวันตกในวันพุธ(10เม.ย.) ออกมาตอบโต้คำกล่าวหาจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ว่าพวกเขาละเมิดหลักปฏิบัติทางการทูตกรณีเข้าไปสังเกตการณ์กรณี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาปลุกปั่น ระบุการกระทำของพวกเขานั้นเป็นไปตามมาตรฐานหลักปฏิบัติทางการทูต
ความเคลื่อนไหวของทูตตะวันตกเป็นการตอบโต้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่บอกเมื่อวันอังคาร(9เม.ย.) ว่าในต่างประเทศนั้นจะห้ามเข้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากมันเป็นกระบวนการภายใน "ไม่ใช่แค่เพียงผิดมารยาทเท่านั้น แต่มันยังเป็นการปิดกฎระเบียบที่ทั่วโลกยึดถือ" และต่อมาในวันพุธ(10เม.ย.) ทางกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวหาคณะทูตเหล่านั้นว่าแทรกแซงการเมืองไทย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่านักการทูตต่างชาติ 13 คนไปปรากฏตัวที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเมื่อวันเสาร์(6เม.ย.) สถานที่ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปรับทราบข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยและความผิดทางอาญาอื่นๆ ซึ่งนายธนาธรตอบโต้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยแสดงความคร่ำครวญอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันอังคาร(9เม.ย.) และในวันพุธ(10เม.ย.) ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ออกหนังสือทางการทูตเพื่อแสดงความไม่พอใจและกังวลต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก
รายงานของเอพีระบุว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวหาการกระทำของเจ้าหน้าที่ทูตต่างชาติเหล่านั้นว่าละเมิดมาตราหนึ่งในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งระบุว่าเจ้าหน้าที่ทูตไม่มีหน้าที่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศหนึ่งๆที่พวกเขาประจำการอยู่
จิลเลียน บอนนาร์โดซ์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีเตอร์ เฮย์มอนด์ อุปทูตและรักษาการเอกอัครราชทูต ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงการต่างประเทศของไทยตามคำร้องขอในวันพุธ(10เม.ย.)
"โดยปกติสถานทูตสหรัฐฯมักเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีที่คนทั่วโลกให้ความสนใจอยู่แล้ว เพื่อสังเกตการณ์ว่าการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างยุติธรรมและเคารพหลักนิติธรรม นี่เป็นมาตรฐานการปฏิบัติทางการทูต" โฆษกระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ทางอีเมล "สหรัฐฯสนใจคดีนี้เหมือนกับคดีอื่นๆอีกหลายคดี เพื่อสังเกตการณ์กระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินคดีด้วยตนเอง"
ด้านถ้อยแถลงจากคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยก็บ่งชี้แบบเดียวกัน โดยระบุว่า "การสังเกตการณ์การให้ปากคำและพิจารณาคดีเป็นมาตรฐานปฏิบัติทางการทูตทั่วโลก มันมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความตระหนักถึงการยึดมั่นในมาตรฐานสากลต่างๆอย่างเช่นประเด็นสิทธิมนุษยชนและกระบวนการทางกฎหมาย การสังเกตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้บ่งชี้ใดๆเกี่ยวกับความชื่นชอบทางการเมืองหรือสนับสนุนใครอย่างเจาะจง"
อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงของอียูได้ขอบคุณตำรวจไทยที่ร่วมมืออำนวยความสะดวกแก่การสังเกตุการณ์และชี้แจงสรุปให้คณะเจ้าหน้าที่ทูตรับฟัง