รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - มีผู้เสียชีวิตและผู้ที่ต้องพลัดถิ่นที่อยู่เพิ่มมากขึ้นในลิเบีย ซึ่งอยู่ในสภาพแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อวันจันทร์ (8 เม.ย.) ขณะกองกำลังจากภาคตะวันออกพยายามบุกตะลุยให้เข้าถึงใจกลางกรุงตริโปลี แต่รัฐบาลซึ่งได้รับการหนุนหลังจากยูเอ็น ก็ระดมกลุ่มพันธมิตรมาปกป้องเมืองหลวง ท่ามกลางการเรียกร้องของนานาชาติให้หยุดยิงระงับความรุนแรง
การสู้รบที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ถือเป็นวัฎจักรแห่งศึกกลางเมืองรอบล่าสุดซึ่งวนเวียนเกิดขึ้นในลิเบีย นับแต่ที่พวกกบฎกลุ่มต่างๆ ภายใต้การสนับสนุนด้วยกำลังทางอากาศจากองค์การนาโต้ ประสบความสำเร็จในการโค่นล้มและสังหาร มูอัมมาร์ กัดดาฟี บุรุษเหล็กที่เคยปกครองประเทศในแอฟริกาเหนือแห่งนี้แบบเผด็จการมาหลายสิบปี เมื่อปี 2011
ในเวลาเดียวกัน การสู้รบระลอกนี้ก็คุกคามที่จะทำให้การส่งออกน้ำมันและก๊าซยิ่งชะงักงัน กระตุ้นคลื่นการอพยพระลอกใหม่ไปยังยุโรป และทำลายแผนการของสหประชาชาติที่หวังจะจัดทำโรดแมปเดินหน้าสู่การจัดการเลือกตั้ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์กันของกลุ่มต่างๆ ในลิเบีย โดยเฉพาะระหว่าง 2 คณะบริหารในภาคตะวันออกและภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งกำลังแข่งขันช่วงชิงอำนาจกันอยู่
กองกำลังของกลุ่ม “กองทัพแห่งชาติลิเบีย” (แอลเอ็นเอ) จากภาคตะวันออก ที่นำโดย คาลิฟา ฮัฟตาร์ วัย 75 ปี อดีตนายทหารในกองทัพของกัดดาฟี แถลงในวันจันทร์ (8) ว่า ทหารของพวกเขา 19 คนเสียชีวิตในการสู้รบช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะเคลื่อนทัพบุกเข้าประชิดกรุงตริโปลี ที่มั่นของรัฐบาลของข้อตกลงแห่งชาติ (จีเอ็นเอ) ที่สหประชาชาติให้การยอมรับ
ส่วนโฆษกของกระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลตริโปลีระบุในวันเดียวกันว่า การสู้รบซึ่งเกิดขึ้นบริเวณด้านใต้ของเมืองหลวง ได้สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 25 คนโดยมีทั้งนักรบและพลเรือน แล้วยังมีผู้บาดเจ็บอีก 80 คน
ด้านสหประชาชาติบอกว่า มีประชาชน 2,800 คนต้องทิ้งบ้านเนื่องจากการสู้รบ โดยจำนวนมากสามารถหลบหนีออกมาได้ แต่ก็มีบางรายซึ่งยังติดอยู่ในบริเวณที่มีการสู้รบ
“สหประชาชาติขอเรียกร้องต่อไปให้มีการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งจะเปิดทางให้สามารถแจกจ่ายให้บริการฉุกเฉินต่างๆ และเปิดทางผ่านโดยสมัครใจให้แก่พลเรือน รวมทั้งพวกที่ได้รับบาดเจ็บ จากพื้นที่ซึ่งเกิดการสู้รบ” ยูเอ็นระบุในคำแถลง
แอลเอ็นเอ ของฮัฟตาร์ ซึ่งหนุนหลังคณะบริหารของฝ่ายตะวันออกในเมืองเบกาซี ได้เข้ายึดพื้นที่ภาคใต้ที่รุ่มรวยด้วยน้ำมันของลิเบียเอาไว้ได้ตอนต้นปีนี้ ก่อนเดินทัพบุกอย่างรวดเร็วผ่านเขตทะเลทรายต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผู้คนพำนักอาศัย ไปยังเมืองหลวงตริโปลีที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การเข้ายึดตริโปลีเป็นความท้าทายใหญ่หลวงยิ่งกว่าที่แอลเอ็นเอได้เคยประสบมา โดยที่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ฝ่ายนี้ได้ใช้เครื่องบินเข้าโจมตีทางอากาศบริเวณด้านใต้ของเมืองหลวง ขณะหาทางรุกไปตามถนนจากท่าอากาศยานนานาชาติเก่าที่เวลานี้อยู่ในสภาพถูกทิ้งร้าง เพื่อเข้าสู่ย่านใจกลางของตริโปลี
ทว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฟาเยซ อัล-เซอร์ราจ ก็กำลังหาทางสกัดดั้นแอลเอ็นเอ โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรหลายกลุ่ม ซึ่งกำลังเร่งเดินทัพที่ประกอบด้วยขบวนรถปิ๊กอัพติดตั้งปืนกลหนัก มุ่งหน้าสู่ตริโปลี จากเมืองท่ามิสราตา ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์รายหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณใจกลางตริโปลีบอกว่า สามารถได้ยินเสียงปืนจากพื้นที่ห่างไกลออกไปทางด้านใต้
อัล-เซอร์ราจ วัย 59 ปี ที่มาจากครอบครัวนักธุรกิจที่มั่งคั่ง บริหารรัฐบาลตริโปลีมาตั้งแต่ปี 2016 ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างฝ่ายต่างๆ ของลิเบียที่ยูเอ็นเป็นตัวกลาง แต่ถูกบอยคอตต์จากฮัฟตาร์
สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดกำลังเป็นอันตรายกับแผนการของยูเอ็นที่จะจัดประชุมระหว่างวันที่ 14-16 เดือนนี้เพื่อวางแผนจัดการเลือกตั้ง และทำให้ลิเบียหลุดพ้นจากสภาวะอนาธิปไตยภายหลังการโค่นล้มกัดดาฟี
เช่นเดียวกับยูเอ็น ทั้งสหภาพยุโรป, สหรัฐฯ, และกลุ่มจี7 ต่างออกมาเรียกร้องให้มีการหยุดยิง ให้ฮัฟตาร์หยุดการรุกคืบและหันกลับมาเจรจากัน
ในวันอาทิตย์ (7) ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแถลงว่า อเมริกาคัดค้านการใช้กำลังของฮัฟตาร์ และเรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการทางทหารต่อตริโปลีทันที
ทั้งนี้ สหรัฐฯซึ่งมีกองทหารหน่วยเล็กๆ ประจำอยู่ในลิเบียมาสองสามปีแล้ว ได้สั่งถอนกำลังออกไปบางส่วนจากตริโปลีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
นอกจากนั้นเมื่อวันอาทิตย์ คณะผู้แทนของยูเอ็นในลิเบียได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงนาน 2 ชั่วโมงทางตอนใต้ของตริโปลีเพื่ออพยพพลเรือนและผู้บาดเจ็บ แต่ดูเหมือนไม่มีฝ่ายใดปฏิบัติตามข้อเรียกร้องนี้
ฮัฟตาร์ ซึ่งอ้างตนเป็นศัตรูของพวกอิสลามิสต์สุดโต่ง แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่า เป็นเผด็จการคนใหม่ที่ถอดแบบมาจากกัดดาฟี
รายงานของยูเอ็นระบุว่า ลูกน้องเก่าของกัดดาฟีผู้นี้ได้รับการสนับสนุนทางทหารจากอียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มองว่า ฮัฟตาร์เป็นปราการต้านกลุ่มอิสลามิสต์
ขณะเดียวกัน กองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลตริโปลี ได้ประกาศเปิดการปฏิบัติการปกป้องเมืองหลวงในชื่อว่า “ภูเขาไฟแห่งความโกรธเกรี้ยว” โดยกองกำลังพันธมิตรกลุ่มต่างๆ จากมิสราตาได้ส่งขบวนรถปิ๊กอัพติดปืนกลเข้าสู่ทริโปลีแล้ว
พันเอกโมฮัมเหม็ด จีนูนู โฆษกกองกำลังสนับสนุนจีเอ็นเอ บอกว่า ปฏิบัติการนี้มีเป้าหมายในการกวาดล้างผู้รุกรานและกองกำลังผิดกฎหมายทั้งหมดออกจากทุกเมืองของลิเบีย ซึ่งหมายถึงนักรบของฮัฟตาร์
ด้านแอลเอ็นเออ้างว่า มีกองกำลังของพวกเขามีจำนวน 85,000 นาย ทว่า ตัวเลขนี้รวมถึงทหารที่รัฐบาลกลางจ่ายเงินเดือนให้ ซึ่งแอลเอ็นเอคาดว่า จะตกเป็นของตนเมื่อชนะสงคราม
สำหรับกองกำลังพิเศษของฮัฟตาร์เองที่มีชื่อว่า ซาอิกานั้น มีทหาร 3,500 นาย นอกจากนี้ลูกชายของฮัฟตาร์ยังมีกองกำลังติดอาวุธอีกจำนวนหนึ่ง