เอเอฟพี - พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา (เอเคพี) ภายใต้การนำของประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน สูญเสียที่นั่งนายกเทศมนตรีกรุงอังการาในศึกเลือกตั้งท้องถิ่นที่จัดขึ้นวานนี้ (31 มี.ค.) และยังมีแนวโน้มจะเสียที่นั่งในเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่างอิสตันบูลไปด้วยพร้อมๆ กัน นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ซึ่งบ่งบอกถึงยุคเสื่อมของทั้ง แอร์โดอัน และพรรคเอเคพีซึ่งกวาดชัยชนะในศึกเลือกตั้งทุกสมัยตลอด 16 ปีที่ผ่านมา
ผู้นำตุรกีพยายามเดินสายหาเสียงและชูการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสภาเขตครั้งนี้ว่าเป็น “การต่อสู้เพื่อความอยู่รอด” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลเลือกตั้งครั้งนี้คือตัวชี้วัดความนิยมของพรรคเอเคพี ในยามที่เศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจากวิกฤตค่าเงินลีราตกต่ำ
ผลการนับคะแนนที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 99% พบว่า มันซูร์ ยาวาส (Mansur Yavas) ผู้สมัครนายกเทศมนตรีกรุงอังการาจากกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน ชนะไปด้วยคะแนนโหวต 50.89% ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคเอเคพีได้ไป 47.06% ตามรายงานของสำนักข่าวอนาโดลู
ส่วนที่กรุงอิสตันบูลซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของตุรกี การแข่งขันยิ่งเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อผู้สมัครของเอเคพีออกมาอ้างชัยชนะด้วยคะแนนโหวต 48.70% จากผลการนับคะแนนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่ผู้สมัครฝ่ายค้านซึ่งได้คะแนนไล่บี้มาอย่างเฉียดฉิว 48.65% ก็อ้างว่าตนเป็นฝ่ายชนะเช่นกัน
ผลการนับคะแนนล่าสุดจากสำนักข่าวอนาโดลูพบว่า ผู้สมัครของพรรคเอเคพีมีคะแนนนำที่อิสตันบูลอยู่เพียง 4,000 คะแนน และพรรคได้ประกาศแล้วว่าจะขอให้มีการนับคะแนนใหม่ทั้ง 2 เมือง เนื่องจากเชื่อว่ามีบัตรหลายแสนใบที่ควรจะเป็นบัตรเสีย
ผู้นำตุรกีได้ขึ้นเวทีปราศรัยต่อผู้สนับสนุนที่กรุงอังการา โดยประกาศว่าศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะสำหรับพรรคเอเคพี และพรรคขบวนการชาตินิยม (เอ็มเอชพี) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่กลับไม่ยอมเอ่ยถึงการสูญเสียที่นั่งในเมืองหลวง
“หากจะมีความบกพร่องใดๆ เกิดขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องแก้ไขมัน” แอร์โดอันกล่าว “เริ่มตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงานเพื่อหาจุดบกพร่องและแก้ไขมันเสีย”
แอร์โดอัน กล่าวเป็นนัยๆ ว่า ถึงแม้ฝ่ายค้านจะคว้าเก้าอี้นายกเทศมนตรีกรุงอังการาไปครอง แต่พรรครัฐบาลก็ยังควบคุมสภาเขตเอาไว้ได้อยู่
นี่คือการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นครั้งแรกที่จัดขึ้นหลังจากตุรกีได้มีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญใหม่เมื่อปี 2017 เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่ แอร์โดอัน ซึ่งบริหารประเทศมายาวนานถึง 16 ปี
อย่างไรก็ตาม แอร์โดอัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประชาชนสายอนุรักษนิยมเคร่งจารีตจนกลายเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ กำลังถูกสั่นคลอนฐานอำนาจด้วยปัญหาเศรษฐกิจถดถอย อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งเป็นตัวเลขถึง 2 หลัก
ความสำเร็จส่วนใหญ่ของพรรคเอเคพีมาจากการที่ประชาชนเชื่อมั่นในการบริหารเศรษฐกิจของแอร์โดอัน ทว่าก่อนถึงศึกเลือกตั้งไม่กี่วัน ค่าเงินลีรากลับทรุดลงอีก จนทำให้คนส่วนใหญ่หวนนึกไปถึงวิกฤตค่าเงินลีราเมื่อปี 2018 ซึ่งทำให้ชาวตุรกีเดือดร้อนอย่างหนัก
ยาวาส ซึ่งลงสมัครทั้งในนามพรรครีพับลิกันพีเพิล (CHP) และพรรคกู๊ด (Good Party) ได้ออกมาแถลงชัยชนะที่กรุงอังการา ท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมากที่พากันโบกธงชาติและจุดพลุเฉลิมฉลอง
“ไม่มีใครพ่ายแพ้ อังการาชนะ ทุกคนในอังการาชนะ และจะจับมือไปด้วยกัน” เขากล่าว
โพลบางสำนักพบว่า ยาวาส มีคะแนนนำคู่แข่งจากพรรครัฐบาลเพียงเล็กน้อยก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง
เอ็มรี แอร์โดอัน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอิสตันบูลบิลกี (Istanbul Bilgi University) ซึ่งไม่ได้เป็นญาติกับผู้นำตุรกีแต่อย่างใด ระบุว่า “แอร์โดอัน เป็นที่ยอมรับจากความสำเร็จในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น และโมเดลการบริหารของเขาก็ยึดประสบการณ์ท้องถิ่นเป็นหลัก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจบั่นทอนภาพลักษณ์นักการเมืองท้องถิ่นที่ดีของเขา”
แอร์โดอัน ได้ส่งอดีตนายกรัฐมนตรี บินาลี ยิลดิริม ผู้ช่วยคนสนิทลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครอิสตันบูล ขณะที่ตัวเขาเองแม้จะไม่ได้เป็นผู้สมัครโดยตรงแต่ก็ช่วยลงพื้นที่หาเสียงในเขตต่างๆ ของอิสตันบูลบ่อยครั้ง
หลังผลการนับคะแนนเบื้องต้นเกือบจะเสร็จสิ้น ยิลดิริม ได้ประกาศต่อผู้สนับสนุนว่า “เราชนะที่อิสตันบูล ขอขอบคุณชาวอิสตันบูลทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้แก่เรา” ขณะที่ เอเกร็ม อิมาโมกลู (Ekrem Imamoglu) ผู้สมัครฝ่ายค้าน รีบออกมาเบรกคำพูดอดีตนายกฯ และชี้ว่าเป็นการแทรกแซงความคิดเห็น
“ผมขอประกาศต่อชาวอิสตันบูลและประชาชนทั่วทั้งตุรกีว่า ผลการนับคะแนนบ่งบอกชัดเจนว่าเราเป็นฝ่ายชนะ” อิมาโมกลู เปิดแถลงข่าวเมื่อช่วงกลางดึกวันนี้ (1 เม.ย.)
ผู้สนับสนุน แอร์โดอัน ยังคงมองว่าเขาเป็นผู้นำแกร่งที่ประเทศชาติต้องการ และยกเครดิตการพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาให้กับรัฐบาลของเขา ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนหรือแม้แต่ชาติพันธมิตรตะวันตกเองกลับมองว่า ระบอบประชาธิปไตยในตุรกีถูกบ่อนทำลายไปมากในยุคของแอร์โดอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อปี 2016 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมและสอบสวนประชาชนหลายหมื่นคน