รอยเตอร์/เอพี - ตัวแทนของรัฐบาลออสเตรเลียและรัฐบาลเนเธอร์แลนด์พบกับตัวแทนจากรัฐบาลรัสเซียเพื่อหารือว่า “ใครเป็นผู้รับผิดชอบ” ต่อการตกของเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 เมื่อปี 2014 ที่ยูเครน รัฐมนตรีต่างประเดทศเนเธอร์แลนด์แถลงวันนี้ (27 มี.ค.) จากออสเตรเลีย
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (27 มี.ค.) ว่า ผู้โดยสารบนเครื่องเที่ยวบิน MH17 ทั้งมหดจำนวน 298 คนเสียชีวิตทั้งหมดหลังจากเครื่องถูกยิงตกในพื้นที่เขตอิทธิพลของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย พบว่า 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมดที่เสียชีวิตเป็นพลเมืองเนเธอร์แลนด์
สเตฟ โบลค (Stef Blok) รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ในวันพุธ (27) เปิดเผยว่า “การเจรจา 3 ฝ่ายได้เริ่มต้นขึ้นไม่นานมานี้” และเสริมว่า “ทางเราไม่สามารถเปิดเผยถึงเนื้อหาของกระบวนการเป็นเพราะการเป็นความลับนั้นมีความสำคัญในที่นี้ แต่ผมสามารถกล่าวได้ว่า เรายังคงมีพันธะในการหาความจริง ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ”
ในเดือนพฤษภาคม 2018 รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และรัฐบาลออสเตรเลียได้ออกมาประกาศว่าจะทำให้ “รัสเซีย” เป็นผู้รับผิดชอบ หลังจากผลการสบอสวนชี้ไปว่า “ระบบมิสไซล์ BUK” ทื่ถูกใช้ในการยิงเครื่องบินเที่ยวบิน MH17ตกนั้นเป็นของหน่วยกองพลน้อยต่อต้านอากาศยานที่ 53 ที่มีฐานอยู่ในเมืองควร์สก์ (Kursk) ทางตะวันตกของรัสเซีย
เอพีรายงานว่า ด้าน มาริส เพย์น (Marise Payne) รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย แถลงว่า ทางรัฐบาลออสเตรเลียยังคงให้การสนับสนุนอย่างมากต่อกระบวนการดำเนินคดีของเนเธอร์แลนด์ต่อบุคคลรับผิดชอบในเรื่องนี้ และออสเตรเลียยังคงร่วมมือกับเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวนร่วมต่อเหตุการตก MH17
ทั้งนี้ หากว่า “รัสเซีย” ยอมรับที่จะรับผิดชอบในรูปแบบหนึ่งแบบใดทางกฎหมาย อาจสามารถนำมาสู่การเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิต
โบลคกล่าวต่อว่า ทางเนเธอร์แลนด์รู้สึกซาบซึ้งต่อการสนับสนุนของออสเตรเลียและกลุ่มประเทศ G-8 ที่ได้เสนอให้ทั้งทางด้านการเมืองและการเงินต่อการหาผู้ต้องสงสัยในคดี MH17 โดยเอพีรายงานว่า รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ได้วางพวงหรีดไว้อาลัยต่อผู้โดยสารที่เสียชีวิตเที่ยวบิน MH17 ในกรุงแคนเบอร์รา