รอยเตอร์ - สถาบันวิจัยพิวเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอินเดียในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่ศึกเลือกตั้งทั่วไปจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยพบว่าคนอินเดีย ‘เกินครึ่ง’ ยังรู้สึกพอใจกับทิศทางของประเทศ และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชนรุ่นหลัง
ผู้ตอบแบบสอบถามเกิน 3 ใน 4 ระบุว่า การขาดโอกาสในการได้งานทำถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับชาวอินเดีย และพวกเขายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เข้ารับตำแหน่ง
ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (25 มี.ค.) ยังสะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลต่อปัญหาการก่อการร้ายและข้อพิพาทกับปากีสถาน หลังเกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีขบวนรถบัสทหารพรานในแคชเมียร์เมื่อเดือนที่แล้ว
ชาวอินเดีย 3 ใน 4 มองว่าปากีสถานเป็น ‘ภัยคุกคาม’ ขณะที่ 59% รู้สึกว่าประเทศกำลังเผชิญความเสี่ยงก่อการร้ายเพิ่มขึ้น
“แต่ถึงแม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ แต่ชาวอินเดียวัยผู้ใหญ่จำนวนมากยังพอใจกับทิศทางของประเทศและโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับประชากรรุ่นต่อไป” รายงานของพิวระบุ
ผู้ตอบคำถาม 54% รู้สึกพึงพอใจกับความเป็นประชาธิปไตยของอินเดีย แต่ก็ลดลงถึง 25 จุดจากโพลเมื่อปี 2017 ที่มีผู้เห็นชอบมากถึง 79%
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะ ‘ยกนิ้ว’ ให้กับประชาธิปไตยอินเดียมากกว่าผู้หญิง และสุภาพสตรี 1 ใน 5 ปฏิเสธที่จะตอบคำถามในประเด็นนี้
พิวได้สำรวจความคิดเห็นชาวอินเดีย 2,521 คนระหว่างวันที่ 23 พ.ค. ถึง 23 ก.ค. ปี 2018 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายสำหรับรัฐบาลเทอมปัจจุบันของ โมดี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป
นักวิเคราะห์เชื่อว่า โมดี ยังคงเป็นเต็งหนึ่งสำหรับศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 เม.ย. ทว่าคะแนนนิยมของฝ่ายค้านก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีบางโพลคาดการณ์ว่ากลุ่มพรรคการเมืองชาตินิยมฮินดูของ โมดี อาจจะไม่ได้เสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ดี ความตึงเครียดกับปากีสถานเมื่อเดือนที่แล้วมีส่วนทำให้คนอินเดียเบนความสนใจจากเรื่องปัญหาปากท้องมาสู่ประเด็นความมั่นคง ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพรรคภารติยะชนตะ (BJP) ของ โมดี
นักวิจารณ์กล่าวหาพรรค BJP ว่าพยายามสร้างความความกลัวต่อชาวมุสลิมกลุ่มน้อยด้วยการโปรโมตวาระของชาวฮินดู และยังนำเรื่องการฆ่าวัวซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูมาเป็นประเด็นเล่นงานมุสลิม