เอเอฟพี – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตราหน้าสื่อกระแสหลักว่าเป็น “ศัตรู” และ “พรรคฝ่ายค้าน” หลังจากรายงานของมูลเลอร์ทำให้เขาพ้นข้อหาสมรู้ร่วมคิด และกล่าวหานักข่าวว่ารายงานการสืบสวนเรื่องรัสเซียอย่างไม่เป็นธรรม
“สื่อกระแสหลักกำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และกำลังถูกเหยียดหยามจากทั่วโลก เนื่องจากไม่สุจริตและหลอกหลวง เป็นเวลา 2 ปีที่พวกเขาผลักดันความเข้าใจผิดเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย ทั้งที่พวกเขารู้มาเสมอว่าไม่มีการสมรู้ร่วมคิด” ทรัมป์ ทวีต
“พวกเขาเป็นศัตรูของประชาชนและพรรคฝ่ายค้านที่แท้จริง”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยใช้คำว่า “ศัตรูของประชาชน” แบบเดียวกันที่ โจเซฟ สตาลิน ใช้เรียกศัตรูทางการเมือง เพื่อเรียกสื่อที่เขาพูดเสมอว่าไม่ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับตัวเขาอย่างถูกต้อง
ในเวลานี้ ทรัมป์กำลังพูดถึงการสืบสวนนาน 2 ปีที่นำโดยอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มูลเลอร์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทรัมป์กับรัสเซีย และข้อสงสัยที่ว่า ทีมหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ของเขาสมรู้ร่วมคิดกับสายลับรัสเซีย ในความพยายามเพื่อสร้างความได้เปรียบให้เขาในการเลือกตั้ง
อ้างจากบทสรุปสั้นๆ ที่เผยแพร่โดย วิลเลียม บาร์ อัยการสูงสุดของทรัมป์เมื่อวันอาทิตย์ (24) มุลเลอร์ไม่สามารถพบหลักฐานการสมรู้ร่วมคิด ถึงแม้ว่าเขาจะพิสูจน์ได้ว่า สายลับรัสเซียพยายามก่อกวนการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ตาม
ทรัมป์ใช้บทสรุปดังกล่าวที่ทำให้เขาพ้นข้อหาสมรู้ร่วมคิดในฐานะข้อพิสูจน์ว่าเขาถูก “ล่าแม่มด” และว่า สื่อที่รายงานข่าวการสืบสวนใหญ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีเขาแบบเป็นระบบ
บทสรุปของรายงาน ระบุว่า มุลเลอร์มไม่อาจตัดสินว่า ทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และส่งต่อการตัดสินใจให้กับกระทรวงยุติธรรม บาร์ เขียนในบทสรุปว่า ทรัมป์ไม่ได้กระทำความผิด