เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ในเวลานี้ผู้นำหญิงอังกฤษ เทเรซา เมย์ กำลังเผชิญหน้ากับมรสุมทางการเมืองลูกใหญ่ 1 วันหลังประชาชนชาวอังกฤษออกมาเดินขบวนวันเสาร์ (23 มี.ค.) เรียกร้องให้มีการเปิดลงประชามติ BREXIT รอบ 2 ถูกสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ รวมทั้งสมาชิกคณะครม.ระดับอาวุโสกดดันต้องการให้ลาออกเซ่นวิกฤต BREXIT ถึงขั้นข่มขู่ให้กำหนดวันแลกกับได้รับอนุมัติข้อตกลง
NPR รายงานเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า จำนวนสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ รวมไปถึงสมาชิกระดับอาวุโสในพรรคคอนเซอร์เวตีฟของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เอง มีความต้องการให้เธอลาออกจากตำแหน่ง
พบว่าหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์ในอังกฤษต่างรายงานว่า สมาชิก ครม.ระดับอาวุโสของเธอสามารถใช้การลาออกเพื่อบีบบังคับ ในขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะซันของเจ้าพ่อสื่อโลกตะวันตก รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) กล่าวผ่านบทแถลงการณ์บรรณาธิการ อ้างอิงจากรอยเตอร์ ประกาศเรียกร้องให้เมย์ลาออกเร็วที่สุดหลังจากการปัญหา BREXIT เรียบร้อยแล้ว
“เวลาหมดแล้ว เทเรซา เมย์” หนังสือพิมพ์เดอะซันกล่าว พร้อมกล่าวต่อว่า โอกาสที่ข้อตกลง BREXIT ของเธอจะได้รับการอนุมัติก็ต่อเมื่อเกิดขึ้นหลังคำประกาศกำหนดวันลาออกจากตำแหน่งของเธอ
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (25) ว่า ในการหารือระหว่างเมย์และสมาชิกรัฐสภาอังกฤษเมื่อวานนี้ (24) มีรายงานว่าเธอถูกกลุ่ม ส.ส.ที่นำโดย จาค็อบ รีซ-ม็อกก์ (Jacob Rees-Mogg) และ เอียน ดันแคน สมิธ (Iain Duncan Smith) ที่สถานที่พักตากอากาศของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เช็คเกอร์ส (Chequers) ในวันนี้ (24) ว่า หากเธอต้องการให้ข้อตกลงของตัวเองผ่าน เมย์จำเป็นต้องกำหนดวันเวลาที่แน่นอนสำหรับการลาออกจากตำแหน่งของตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าเฟสต่อไปในขั้นการเจรจาต่อรองจะถูกจัดการด้วยผู้นำคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
NPR ชี้ว่า ซึ่งหากว่าการลาออกของเธอเกิดขึ้นจริง เธอจะถูกแทนที่ด้วยนายกรัฐมนตรีรักษาการ แต่ทว่ารัฐมนตรี 2 คนที่มีการเปิดเผยชื่อจากสื่ออังกฤษว่ามีโอกาสที่จะขึ้นมาทำหน้าที่แทนเธอนั้นออกมาส่งเสียงแสดงการสนับสนุนเมย์ในวันอาทิตย์ (24)
เดวิด ลิดิงตัน (David Lidington) ทีทำหน้าที่เสมือนรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษไปโดยปริยาย ที่ได้เคยออกเสียงให้อังกฤษยังคงอยู่ต่อร่วมกับสหภาพยุโรป ออกมาปฎิเสธข่าวลือถึงการวางแผนขับเมย์ออกจากตำแหน่ง โดยลิดิงตันกล่าวยืนยันต่อบรรดานักข่าวว่า “เขาสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ 100%”
แต่ทว่า ไมเคิล โกฟ (Michael Gove) รัฐมนตรีประจำกระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหาร และกิจการพื้นที่ห่างไกล ที่ได้รับการเปิดเผยชื่อจากหน้าสื่ออังกฤษว่า เขาอาจเป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะขึ้นทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกมายืนยันว่า ยังไม่ถึงเวลาต้องเปลี่ยนตัวกัปตันเรือ
นอกจากนี้ พบว่ารัฐสภาอังกฤษยังมีอีกทางเลือกคือการให้เมย์กำหนดเวลาที่จะลาออกเพื่อแลกกับการอนุมัติข้อตกลง BREXIT ที่เธอต้องการให้ผ่าน แต่ไม่ดูเหมือนว่าทางเลือกนี้จะเกิดขึ้นกับข้อตกลงที่เธอเคยเสนอเข้าสู่สภาและถูกทำให้ตกไปถึง 2 ครั้ง
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า เมย์ไม่มีการตอบสนองต่อรายงานนี้ แต่ทว่าทางถนนดาวนิงยืนยันว่า เธอจะยังไม่ไปไหน ซึ่งเพื่อนสมาชิก ส.ส.พรรคคอนเซอร์เวตีฟและผู้สนับสนุน BREXIT ได้พบกับเมย์ในวันอาทิตย์(24)ที่บ้านพักรับรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่นอกเมือง เช็คเกอร์ส โดยในบรรดารายชื่อของผู้ที่เข้าหารือ มี บอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ และแกนนำเรียกร้อง BREXIT รวมอยู่ในนั้น
และหลังจากการหารือ สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ แต่ไม่ได้กล่าวไปถึงว่า ในการหารือเมย์ได้มีความก้าวหน้าหรือได้รับการสนับสนุนสำหรับแผนของเธอหรือไม่ และโฆษกถนนดาวนิงไม่ได้กล่าวไปถึงข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของเธอ
“นายกรัฐมนตรีอังกฤษและรัฐมนตรีคณะรัฐบาลจำนวนหนึ่งได้หารือร่วมกันที่บ้านพักรับรองเช็คเกอร์สสำหรับการหารือลงในรายละเอียดร่วมกับผู้ร่วมมงานระดับอาวุโสเกี่ยวกับการมอบ BREXIT” โฆษกกล่าว อ้างอิงจากรอยเตอร์
ในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “การหารือมีการถกเถียงในประเด็นที่กว้างขวางรวมไปถึง ที่ว่ามีการสนับสนุนมากเพียงพอในสภาสามัญชนเพื่อสามารถที่จะทำให้มีการนำการลงมติรับรองกลับมาอีกครั้งได้ในสัปดาหนี้”
รอยเตอร์รายงานว่า หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์สรายงานถึงรัฐมนตรีระดับอาวุโสกำลังวางแผนเพื่อทำรัฐประหารต่อตัวเธอ โดยทางหนังสือพิมพ์ได้ชี้ไปถึงรัฐมนตรี 11 คนที่ไม่เปิดเผยชื่อมีความเห็นร่วมกันว่า นายกรัฐมนตรีเมย์สมควรต้องลาออก โดยเตือนว่าเธอจะกลายเป็นเหมือนพิษร้ายและมีท่าทางที่ผิดแปลกซึ่งมีการตัดสินใจที่แย่
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ ฟิลิป แฮมมอนด์ (Philip Hammond) ได้กล่าวยืนยันในเช้าวันอาทิตย์ (24) กับสื่อสกาย นิวส์ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกดดันให้เมย์ลาออกว่า “การเปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้แก้ปัญหา” และเสริมต่อว่า “ปัญหาคือพวกเราทั้งหมดในฐานะประเทศจะทำการส่งมอบ BREXIT ได้อย่างไร”
รอยเตอร์รายงานว่า กำหนดการขยายเวลา BREXIT ในที่วันที่ 22 พฤษภาคมที่จะถึงจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อสภาสามัญชนอังกฤษทำการรับรองข้อตกลง BREXIT ของเธอเสียก่อน แต่หากล้มเหลว อังกฤษจะมีเวลาแค่วันที่ 12 เมษายนในการยื่นแผนใหม่หรือเลือกที่จะลาออกไปโดยไม่มีข้อตกลงในมือ
