เอเอฟพี – ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ระบุว่า ความยากลำบากทางเศรษฐกิจของอิหร่านเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนที่สุดของประเทศ ในข้อความที่ออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ทางการในวันนี้ (21)
อิหร่านเผชิญกับความลำบากทางเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาซึ่งเลวร้ายลงหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ระหว่างอิหร่านและมหาอำนาจโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
การใช้มาตรการคว่ำบาตรอีกครั้งของสหรัฐฯ ซึ่งเคยได้รับการผ่อนคลายแลกกับการควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือนทั่วเศรษฐกิจของอิหร่าน
“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความยากลำบากในการดำรงชีวิตของประชาชนได้เพิ่มขึ้น” คาเมเนอี กล่าวในข้อความบันทึกเสียงที่ถูกเผยแพร่ออกอากาศเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ของปฏิทินอิหร่าน
“เศรษฐกิจคือปัญหาเร่งด่วนของประเทศนี้ มันเป็นปัญหาร้ายแรงและสำคัญที่สุดของประเทศ” เขากล่าวเสริม และพูดถึงการลดต่ำลงของค่าเงินประเทศ การลดลงของอำนาจการซื้อ และการลดลงของการผลิตว่าเป็นตัวบ่งชี้ของปัญหานี้
คาเมเนาอี กล่าวว่า การเพิ่มการผลิตเป็นกุญแจหลักที่จะช่วยเศรษฐกิจและประกาศให้ “การผลิตภายในประเทศ” เป็นคำขวัญของปีใหม่นี้
ไอเอ็มเอฟ รายงานว่า เศรษฐกิจของอิหร่านตกต่ำลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2018 และคาดการณ์ว่าจีดีพีปี 2019 จะลดลง 3.6 เปอร์เซ็นต์
ประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่านยังให้ความสำคัญกับการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในคำปราศรัยปีใหม่ของเขาที่ออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ทางการต่อจากข้อความของคาเมเนอีในทันที
“บางคนอาจถามว่าการคว่ำบาตรและปัญหาเหล่านี้ยังคงอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่ ปัญหาเหล่านี้เริ่มต้นจากคนที่ไม่รักษาคำพูดและกลุ่มผู้ที่เพิ่งเข้าสู่อำนาจในวอชิงตันเมื่อไม่นานมานี้ แต่กุญแจในการยุติอยู่ในมือเรา” เขากล่าวขณะนั่งหน้าแถวธงชาติอิหร่าน
“ยิ่งเราสามัคคีกันมากเท่าไหร่ ศัตรูก็จะยิ่งตระหนักว่าด้วยการคว่ำบาตรเหล่านี้ ชาติเราจะยิ่งเหนียวแน่นมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อนั่นพวกเขาจะรู้สึกกลัวและเสียใจที่คว่ำบาตรอิหร่าน” โรฮานี กล่าว และเรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล รวมทั้งกองทัพและชาวอิหร่านทุกเชื้อชาติศาสนา สงวนความต่างและแบกรับภาระจากปัญหาและความผิดปกติทางเศรษฐกิจร่วมกัน
โรฮานีพึ่งพาข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 อย่างมากในการช่วยกอบกู้เศรษฐกิจที่กำลังซบเซา
อย่างไรก็ตาม หลังจากการถอนตัวของสหรัฐฯ เขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นจากฝ่ายค้านทางการเมืองว่าบริหารจัดการเศรษฐกิจผิดพลาดและผิดที่ไว้ใจสหรัฐฯ ในข้อตกลงนิวเคลียร์