เอเอฟพี - เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเสี่ยงเจอก่อขบถโดยคณะรัฐมนตรี หากเธอร้องขออียู ขอเลื่อนระยะเวลาการลาออกจากความเป็นสมาชิกภาพออกไปเป็นเวลานาน ตามรายงานของสื่อมวลชนในวันพุธ(20มี.ค.) หลังเธอเตือนกับเหล่าสมาชิกรัฐสภาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น
ทำเนียบนายกรัฐมนตรียืนยันว่า เมย์ จะส่งหนังสือไปร้องขอต่อที่ประชุมเหล่าผู้นำอียูในบรัสเซลส์วันพฤหัสบดี(21มี.ค.) เพื่อขอเลื่อนการเบร็กซิตออกไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 29 มีนาคม โดยระบุว่าเหล่าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงต้องการให้เดินหน้าเบร็กซิต
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร(19มี.ค.) ซึ่งมีข่าวหลุดออกมาว่าเหล่ารัฐมนตรีสนับสนุนเบร็กซิตหลายคนบ่งชี้ว่าพวกเขาอาจลาออก หากการเลื่อนนั้นกินระยะเวลานานเกินไป แม้ในข้อเท็จจริงการจะเลื่อนเบร็กซิตออกไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเหล่าผู้นำอียูเท่านั้น
สื่อมวลชนอังกฤษรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่าความแตกแยกในบุคคลระดับสูงของรัฐบาลอังกฤษ ทำให้รู้สึกเหมือน "วันสุดท้ายแห่งอาณาจักรโรม" ในขณะที่ตัวของเมย์เอง แม้บอกว่าไม่ต้องการเลื่อนเบร็กซิต แต่ยอมรับมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดทางตันในรัฐสภา
สมาชิกรัฐสภาอังกฤษลงมติปฏิเสธมาแล้ว 2 ครั้งต่อข้อตกลงถอนตัวที่เมย์บรรลุกับทางบรัสเซลส์ นอกจากนี้แล้วทางรัฐสภายังปฏิเสธการถอนตัวจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงอีกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อียูยินยอมเปิดทางให้เมย์พยายามผลักดันข้อตกลงของเธอผ่านความเห็นชอบอีกครั้ง บนเงื่อนไขว่าหากเธอประสบความสำเร็จ เมย์จะขอเลื่อนเบร็กซิตออกไป 3 เดือน สำหรับให้สัตยาบันข้อตกลงเบร็กซิต
อย่างไรก็ตามข้อเสนอที่พวกเขาสนับสนุนนั้น ยังระบุด้วยว่าหากไม่มีข้อตกลงใดได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมซัมมิตอียู ทางบรัสเซลส์ก็อาจเรียกร้องให้อังกฤษเลื่อนเวลาเบร็กซิตออกไปเป็นเวลานาน เพื่อให้ทางลอนดอนทบทวนยุทธศาสตร์ของตนเองอีกครั้ง
ผู้นำสภาสามัญชนอังกฤษ แอนเดรีย ลีดซอม หนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีของเมย์ที่สนับสนุนเบร็กซิต ยอมรับในวันพุธ(20มี.ค.) ว่ามีมุมมองแตกต่างกันในหมู่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางในการเดินหน้าเบร็กซิต
เธอให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุแอลบีซีว่า "ฉันรู้ว่าท่านนายกรัฐมนตรีผิดหวังมากต่อการตัดสินใจของรัฐสภาที่ปฏิเสธถอนตัวในวันที่ 29 มีนาคม เธอยังคงมีความตั้งใจพาเราออกจากอียู ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่ามันจะเป็นการขยายเวลาแค่สั้น" อย่างไรก็ตามเธอยอมรับว่า "มันเป็นการตัดสินใจของสมาชิก27 ชาติอียู"