เอเอฟพี – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อทนายมากประสบการณ์จากวอชิงตันดี.ซี. เป็นเอกอัครราชทูตประจำเม็กซิโกคนแรกของเขาบทบาทอันยุ่งยากในฐานะตัวแทนของผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างกำแพงระหว่างสองประเทศ
คริสโตเฟอร์ แลนดู ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเข้ามารับตำแหน่งนี้นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมคณะบริหารของทรัมป์เคยเป็นเสมียนให้กับผู้พิพากษาศาลฎีกาสายอนุรักษนิยม 2 คน ก่อนกลายเป็นทนายที่มีชื่อจากคดีอุทธรณ์ต่างๆ
เขาไม่มีประสบการณ์ด้านการทูตแต่ศึกษาด้านลาตินอเมริกาที่ฮาร์วาร์ดและพูดภาษาสเปนได้บิดาของเขา จอร์จ แลนดูเป็นผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯในลาตินอเมริกามานานและเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำชิลีปารากวัย และเวเนซูเอลา
ทรัมป์ประกาศชื่อแลนดูซึ่งต้องผ่านการยืนยันจากวุฒิสภาในถ้อยแถลงที่ถูกเผยแพร่เมื่อค่ำวานนี้(18) ตำแหน่งการทูตสำคัญๆ มากมายยังคงว่างมานานกว่า 2 ปีในช่วงวาระดำรงตำแหน่งของทรัมป์
สหรัฐฯ ไม่มีเอกอัครราชทูตในกรุงเม็กซิโกซิตี้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมหลัง โรเบอร์ตา จาคอบสัน ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก บารัก โอบามา ลาออก
ในตอนแรกเธอตัดสินใจที่จะอยู่ต่อหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง แต่เป็นทุกข์จากการตัดสินใจที่สร้างความโกลาหล
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ เนชันนอล พับลิก เรดิโอ หลังเธอลาออก จาคอบสันเรียกความเถรตรงต่อผู้อพยพของทรัมป์ว่า “ไม่มีความเป็นอเมริกัน” และเตือนว่า มันอาจลดทอนฐานะของสหรัฐฯในภูมิภาค
ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจด้วยนโยบายต่อต้านผู้อพยพ และเรียกผู้อพยพชาวเม็กซิโกบางส่วนว่าเป็นโจรข่มขืน และผลักดันการก่อสร้างกำแพงชายแดนที่เขาเคยบอกในที่ชุมนุมหาสียงว่าเม็กซิโกจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ทรัมป์ทำให้เกิดการชัตดาวน์รัฐบาลและใช้สิทธิวีโต้ครั้งแรกของเขาเพื่อหาทางสร้างกำแพง ขณะที่คณะบริหารของเขายอมรับโดยปริยายว่า เม็กซิโกจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว
ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายคนใหม่ของเม็กซิโก อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ปฏิบัติต่อทรัมป์อย่างนุ่มนวลมาก ถึงแม้ว่าอุดมการณ์ของพวกเขาจะต่างกันมากก็ตาม
เขายอมที่จะเก็บผู้อพยพที่กำลังหนีจากอเมริกากลางไว้ภายในเม็กซิโก ในขณะที่พวกเขายื่นขอลี้ภัยในสหรัฐฯ แหกธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิม เนื่องจากเขาต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเปิดเผยกับทรัมป์
