เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - หนึ่งในความหวังพรรคเดโมแครตศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 สว.รัฐแคลิฟอร์เนีย คามาลา แฮร์ริส(Kamala Harris) ถูกแฉเคยได้รับเงินสนับสนุนจากทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และบุตรสาว อิวองกา ทรัมป์ เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้าในการหาเสียงเลือกตั้งตำแหน่งอัยการประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย
หนังสือพิมพ์ซานฟรานซิสโกโครนิเคิลส์รายงานเมื่อวานนี้(4 มี.ค)ว่า หนังสือพิมพ์ซาคราเมนโต บี ( Sacramento Bee) ออกมาแฉว่า “สว.คามาลา แฮร์ริส" (Kamala Harris) ผู้สมัครหญิงผิวสีแถวหน้าที่เป็นหนึ่งในความหวังของพรรคเดโมแครต เคยรับเงินจากทั้งทรัมป์และลูกสาว "อิวองกา" เมื่อหลายปีก่อนหน้าระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งตำแหน่งอัยการประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้พบว่าก่อนที่ “แฮร์ริส” ตัวเต็งแถวหน้าในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปีหน้า ที่ทั้งมีความเป็นต่อในด้านความเป็นผู้หญิงและการเป็นอเมริกันชนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน จะเข้ารับทำหน้าที่ในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯพรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเคยดำรงตำแหน่งอัยการประจำรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2010 และชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2014
โครนิเคิลส์ชี้ว่า พบว่าในการลงเลือกตั้งสมัยแรกของเธอ คนในตระกูลทรัมป์ได้บริจาคเงินสนับสนุนการหาเสียงให้แก่แฮร์ริส
โดยในปี 2011 พบว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ในปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้เงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์ และพบว่าในปี 2013 เขาบริจาคอีกครั้งเป็นจำนวน 1,000 ดอลลาร์ และในปี 2014 พบว่าลูกสาวทรัมป์ อิวองกา ทรัมป์ บริจาคให้แฮร์ริสจำนวน 2,000 ดอลลาร์
ฮาวิเยร์ แพนซาร์ (Javier Panzar)นักข่าวแอลเอไทม์ส รายงานก่อนหน้าว่า ทรัมป์ได้เคยให้เงินแก่ทีมหาเสียงของแฮร์ริส และนักข่าวผู้นี้เปิดโปงถึงการบริจาคของทรัมป์ว่า
เขาเคยบริจาคให้ทีมหาเสียงของ แกวิน นิวซัม (Gavin Newsom ) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียคนปัจจุบันในปี 2009 และอดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เจอร์รี บราวน์ (Jerry Brown)ในปี 2006
อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากซาคาราเมนโต บี พบว่า เอียน แซมส์( Ian Sams )โฆษกของสว.คามาลา แฮร์ริส ยืนยันว่า แฮร์ริสไม่ได้ใช้เงินของทรัมป์ โดยเธอได้บริจาคเงินจำนวนนั้นโดยรวมที่ 6,000 ดอลลาร์ให้แก่องค์กรการกุศลไปในปี 2015 หรือราว 1 ปีหลังจากที่เธอรับตำแหน่ง และอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเพื่อลงรับสมัครในตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย
แซมส์กล่าวว่า องค์กรการกุศลที่แฮร์ริสบริจาคให้ทำงานในด้านสิทธิมนุษยชนให้กับชาวอเมริกากลาง
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาปัดถึงการบริจาคให้กับบรรดาผู้สมัครข้ามค่ายว่า “เป็นแค่เหตุผลด้านธุรกิจ” เท่านั้น
“ผมให้กับทุกคน” ทรัมป์ประกาศระหว่างการดีเบตเมื่อปี 2015 โดยชี้ว่า
“ พวกเขาโทรเข้ามา และผมเลยให้ พวกคุณรู้ไหม และเมื่อผมต้องการบางอย่างจากคนเหล่านั้นในอีก 2 ปีหรือ 3ปีข้างหน้า ผมต่อสายไป และคนเหล่านั้นอยู่ที่นั่นเพื่อผม”
หนังสือพิมพ์สหรัฐฯชี้ว่า แต่ทว่าดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสว.แฮร์ริสและทรัมป์จะเสื่อมทรามลง เพราะเมื่อครั้งกรกฎาคมปีที่แล้ว ทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวได้ขึ้นทวีต กล่าวหาแฮร์รีสสนับสนุนแก๊ง MS-13 หรือที่รู้จักในชื่อ ลา มารา ซัลวาตรูชา ( La Mara Salvatrucha)
ทั้งนี้แก๊งนี้รู้กันดีว่าเป็นแก๊งข้างถนนชางที่มีสมาชิกชาวเอลซัลวาดอร์เป็น หลัก แก๊งได่เติบโตขึ้นในเขตยากจนของเมืองลอส แอนเจลิส ในถิ่นที่มีผู้อพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองจากเอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา นิการากัว อาศัยอยู่รวมกันในช่วงยุค 80
ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกสมาชิกกลุ่ม MS-13 นี้ว่า เป็นพวกสัตว์ หลังเขาวิจารณ์ไปถึงนโยบาย “sanctuary laws” ของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือกฎหมายคุ้มครองผู้อพยพเข้าเมืองของทางรัฐ
อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสได้ออกมาตอบโต้การกล่าวหาของทำเนียบขาวเมื่อปี 2018
โดยอ้างอิงจากสื่อโพลิติโคแฟ็ค(politifact) เธอได้กล่าวโต้ผ่านทวิตเตอร์มีใจความว่า
“ในฐานะที่มีอาชีพเป็นอัยการ ดิฉันได้ติดตามไล่ล่าแก๊งนี้และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นี่คือความเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยสาธารณะ แต่สิ่งที่ไม่ใช่คือ การพรากเด็กทารกออกจากอกแม่ของพวกเขา”
โพลิติโคแฟ็ครายงานว่า ก่อนที่แฮร์ริสจะทำหน้าที่วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เธอเคยทำงานในฐานะอัยการรัฐแคลิฟอร์เนียและอัยการเขตซานฟรานซิสโก ซึ่งในทวิตเตอร์ เธอยังกล่าวต่อว่า
"ประวัติการทำงานของดิฉันได้แสดงในตัวเองให้เห็นเป็นต้นว่า
***จับกุมสมาชิกลุ่มลอบขนยาเสพติดเข้าสหรัฐฯ
***ประกาศการจับกุมคดีวางแผนว่าจ้างฆ่าของแก๊งค้ายาเสพติดที่มีฐานอยู่ในติฮัวนา(Tijuana)เม็กซิโก
***ยึดยาเสพติดมทแอมเฟตามีน (methamphetamine) น้ำหนัก 500 ปอนด์จากแก๊งค้ายาเสพติดเม็กซิกัน"
โครนิเคิลส์กล่าวว่า และล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว แฮร์ริสได้ออกมาประกาศว่า ทรัมป์เป็นพวกเหยียดสีผิว โดยชี้ไปถึงการแสดงความเห็นของทรัมป์ต่อประเทศในทวีปแอฟริกา และการที่ทรัมป์กล่าวถึงกลุ่มผู้อพยพว่า เป็นผู้ต้องหาข่มขืน และอาชญากร