xs
xsm
sm
md
lg

โยงไปเรื่อย! ‘ทรัมป์’ อ้างคองเกรสไต่สวนอดีตทนาย ‘โคเฮน’ มีส่วนทำให้เจรจา ‘คิม’ ล้มเหลว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ (ขวา) และ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายส่วนตัว
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าววานนี้ (3 มี.ค.) ว่าการที่สภาคองเกรสเรียกอดีตทนายส่วนตัว ไมเคิล โคเฮน เข้าให้ปากคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอาจมีส่วนทำให้การเจรจาระหว่างตนกับผู้นำเกาหลีเหนือล้มเหลว

คำพูดของทรัมป์ ออกจะย้อนแย้งกับถ้อยแถลงของ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ซึ่งยืนยันว่าซัมมิตที่ฮานอยนั้น “ประสบความสำเร็จ”

การพบปะครั้งที่ 2 ระหว่าง ทรัมป์ กับ คิม ที่เมืองหลวงเวียดนามปิดฉากลงอย่างไม่เป็นท่าเมื่อวันที่ 28 ก.พ. โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้แต่แถลงแก้เก้อว่า “บางครั้งคุณก็ต้องเดิน (ถอยออกมา) และนี่ก็เป็นเพียงครั้งหนึ่ง”

ซัมมิตครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรียกสอบปากคำ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายส่วนตัวของทรัมป์ ซึ่งวิจารณ์เจ้านายเก่าว่าเป็นพวก “เหยียดเพศ”, “ต้มตุ๋น” และ “ขี้โกง”

ทรัมป์ ทวีตข้อความวานนี้ (3) ว่าการไต่สวนดังกล่าวอาจมีส่วนทำให้ตนต้อง ‘เดิน’ ถอยออกมา

“การที่พวกเดโมแครตไต่สวนคนขี้โกงและโกหกอย่างเปิดเผย ขณะที่เรากำลังมีการประชุมซัมมิตนิวเคลียร์ที่สำคัญยิ่งกับเกาหลีเหนือ ถือได้ว่าเป็นจุดตกต่ำที่สุดของการเมืองอเมริกัน และอาจมีส่วนทำให้เกิดการ ‘เดิน’ (ถอยออกมา)”

“ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้ระหว่างที่ประธานาธิบดีกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ต่างประเทศ น่าอายจริงๆ!”

อย่างไรก็ตาม โบลตัน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์ (3) ว่า การประชุมซัมมิต คิม-ทรัมป์ รอบนี้ถือว่า “ประสบความสำเร็จ ในแง่ที่ประธานาธิบดีได้ปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของสหรัฐฯ”

เขาย้ำว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่เกาหลีเหนือจะยอมรับ “ข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่” ของประธานาธิบดี ซึ่งหมายถึงการที่โสมแดงต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ หรือจะทำในสิ่งที่น้อยกว่านั้น “ซึ่งเรารับไม่ได้”

“ประธานาธิบดียึดมั่นในจุดยืนนี้ และพยายามผูกสัมพันธ์กับคิม จองอึน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งผมไม่คิดว่ามันคือความล้มเหลว ในเมื่อผลประโยชน์ของอเมริกายังได้รับการปกป้อง” โบลตันเอ่ยเสริม

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่ซัมมิตจะเริ่มขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับเปียงยางตั้งแต่เดือน มี.ค.ปี 2016 เป็นต้นมา โดยข้อแลกเปลี่ยนที่โสมแดงเสนอนั้นมีเพียงการปิดโรงงานนิวเคลียร์ยองบยอน (Yongbyon) บางส่วน ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเกาหลีเหนือยังมีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมซุกซ่อนอยู่ในสถานที่อื่นๆ อีก

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รี ยองโฮ ได้ออกมาแย้งข้อมูลของฝ่ายสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า เปียงยางยอมที่จะทำลาย “โรงงานผลิตวัสดุนิวเคลียร์ทั้งหมดในยองบยอน” เพื่อแลกกับการผ่อนคลายคว่ำบาตรบางส่วน

แอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นคนของเดโมแครต วิจารณ์ผลการประชุมซัมมิตครั้งนี้ว่า “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” พร้อมชี้ว่า ทรัมป์ นั้น “อ่อนข้อไปแล้วอย่างมากมาย ตั้งแต่ยอมไปประชุมซัมมิต ยกสถานะของ คิม จองอึน ในเวทีโลก และสั่งระงับการซ้อมรบทางทหาร (กับเกาหลีใต้) ในการประชุมซัมมิตครั้งที่แล้ว โดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย” ชิฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อซีบีเอส

“ผมคิดว่านี่คือผลของการที่ประธานาธิบดีไม่มีความพร้อมสำหรับการเจรจาในลักษณะนี้ ส่วนพวกเจ้าหน้าที่ก็เตรียมตัวไปไม่ดีพอ จึงได้แต่ขายผ้าเอาหน้ารอด”

ทรัมป์ มักวิจารณ์การซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ว่ามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และหลังจากซัมมิตกับ คิม ที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว วอชิงตันและโซลก็ได้ระงับการฝึกร่วมไปหลายรายการ

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเตือนว่า การงดภารกิจฝึกร่วมจะบั่นทอนความพร้อมในการสู้รบของกองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ และเพิ่มความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ให้แก่โสมแดง
กำลังโหลดความคิดเห็น