เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกร้องให้ปากีสถานและอินเดียหลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียด และแสดง “ความกังวลลึกซึ้ง” ต่อรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานเกี่ยวกับวิกฤตแคชเมียร์ท่ามกลางความกลัวว่า การสู้รบทางอากาศอาจพัฒนากลายเป็นความขัดแย้งเต็มรูปแบบ
ความคิดเห็นของ หวัง อี้ ออกมาในขณะที่ ชาห์ เมห์มูด กูเรชี โทรศัพท์หาเขาเมื่อวานนี้ (27) เพื่อรายงานสถานการณ์ล่าสุดในความตึงเครียดนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุในวันนี้ (28)
หวังบอกกับกูเรชีว่า เขาหวังว่าสองเพื่อนบ้านผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จะ “ใช้ความยับยั้งชั่งใจและทำตามคำมั่นสัญญาที่จะป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างจริงจัง” ถ้อยแถลงของกระทรวงฯ ระบุ
ความตึงเครียดระหว่างสองศัตรูทางประวัติศาสตร์รุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่มีประกาศว่า พวกเขาได้ยิงเครื่องบินขับไล่ของอีกฝ่ายตกเมื่อวานนี้ (27)
ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามไม่ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเกิดสงคราม แต่การสู้รบทางอากาศเหนือพื้นที่พิพาทและถูกแบ่งแยกในแคชเมียร์กำลังเพิ่มความเสี่ยงในภาวะตึงเครียดที่มีชนวนมาจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่แคชเมียร์ฝั่งอินเดียในเดือนนี้
นิวเดลีประกาศว่าจะตอบโต้กลับหลังจากกลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน จาอิช อี โมฮัมเหม็ด (เจอีเอ็ม) อ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีดังกล่าว ซึ่งคร่าชีวิตทหารหลายสิบคนในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย
เมื่อวันอังคาร (26) อินเดีย ระบุว่า กองทัพอากาศได้ทำการโจมตีค่ายของกลุ่มติดอาวุธเจอีเอ็มภายในปากีสถาน การโจมตีครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1971 ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเคยเข้าโจมตีอาณาเขตในแคชเมียร์
ปักกิ่ง หนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของปากีสถาน ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ประเทศนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ต้องการเชื่อมต่อมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีนกับเมืองท่ากวาดาร์ในบาโลจิสถานติดทะเลอาหรับ
เมื่อวานนี้ (27) อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงชื่อ มาซูด อัซฮาร์ ผู้นำกลุ่มเจอีเอ็มในบัญชีดำก่อการ้ายของยูเอ็น ซึ่งจะทำให้เขาถูกห้ามเดินทางทั่วโลกและถูกอายัดทรัพย์สิน ความเคลื่อนไหวที่คาดว่าจีนน่าจะคัดค้าน
จีนขัดขวางความพยายามบังคับใช้การคว่ำบาตรต่อผู้นำของเจอีเอ็มในปี 2016 และ 2017 ตัวกลุ่มเจอีเอ็มถูกเพิ่มลงในรายชื่อก่อการร้ายแล้วเมื่อปี 2001