เอเอฟพี - ปากีสถานยิงเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดียตกบนน่านฟ้าของตนในแคชเมียร์ โฆษกกองทัพระบุ และเสริมว่านักบินอินเดียคนหนึ่งถูกจับกุม
“พีเอเอฟยิงเครื่องบินสองลำของอินเดียตกภายในน่านฟ้าปากีสถาน” พล.ต.อาซิฟ กาฟูร์ โฆษกกองทัพ ทวีต และเสริมว่า เครื่องบินลำหนึ่งตกในแคชเมียร์ฝั่งของปากีสถาน ขณะที่อีกลำหนึ่งตกในฝั่งอินเดีย
“นักบินอินเดียคนหนึ่งถูกทหารในพื้นที่จับกุมขณะที่ทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว” เขากล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ถ้อยแถลงของเขาออกมาในขณะที่แหล่งข่าวอินเดียระบุว่า เครื่องบินขับไล่ของปากีสถานล่วงล้ำน่านฟ้าเหนือแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย แต่ถูกบังคับให้บินกลับเหนือชายแดนโดยพฤตินัยของพื้นที่พิพาทนี้
เจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย บอกกับเอเอฟพีว่า เครื่องบินขับไล่ของปากีสถานบินข้ามชายแดนเข้ามาชั่วระยะหนึ่งแต่ถูกกองทัพอากาศอินเดียผลักดันกลับ
สำนักข่าว เพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่า เครื่องบินขับไล่ของปากีสถานบินข้ามที่พูนช์และนาวเชรา สองพื้นที่บริเวณชายแดนโดยพฤตินัยฝั่งอินเดีย แต่ถูกขับไล่
พีทีไอรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ปากีสถานทิ้งระเบิดในขณะทีบินย้อนกลับไป แต่ไม่มีรายงายความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
กระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานก็ออกถ้อยแถลง ระบุว่า กองทัพอากาศทำการโจมตีข้ามแนวชายแดนที่เรียกกันว่า เส้นควบคุม (Line of Control) อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายของการโจมตีและไม่ได้พูดถึงการยิงเครื่องบินตก
กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ได้มุ่งเป้าเป้าหมายทางทหาร และเสริมว่า “เราไม่ได้ต้องการเพิ่มความตึงเครียด”
การโจมตีบริเวณเส้นควบคุมที่มีการวางกำลังอย่างแน่นหนาเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากเครื่องบินขับไล่ของอินเดียทำการโจมตีในปากีสถานต่อสิ่งที่นิวเดลีระบุว่าเป็นค่ายฝึกกลุ่มติดอาวุธ ในการตอบโต้เหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ในแคชเมียร์ที่สังหารทหารอินเดีย 40 คน
ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างสองศัตรูผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นับตั้งแต่เครื่องบินขับไล่ของอินเดียบินเข้าสู่น่านฟ้าของปากีสถานและโจมตีสิ่งที่นิวเดลีระบุว่าเป็นค่ายของกลุ่ม จาอิช อี โมฮัมเหม็ด (เจอีเอ็ม) กลุ่มซึ่งอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดในแคชเมียร์
ถึงแม้ว่าจะปฏิเสธว่าการโจมตีของอินเดียไม่ได้สร้างความเสียหายหรือทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่อิสลามาบัดประกาศว่าจะตอบโต้กลับ ยิ่งทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการเผชิญหน้าอันตรายในเอเชียใต้
