ยั่วโทสะจีน! สหรัฐฯ ส่ง ‘เรือพิฆาต-เรือบรรทุกกระสุน’ ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน

รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาตและเรือบรรทุกเครื่องกระสุน (ammunition ship) ล่องผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อวันจันทร์ (25 ก.พ.) ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่กองทัพเรืออเมริกันได้กระทำภารกิจสำแดงเสรีภาพในน่านน้ำที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยไม่สนเสียงประณามจากจีน

แม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะกระตุ้นความบาดหมางกับปักกิ่ง แต่สำหรับไต้หวันแล้วนี่คือสัญญาณบ่งบอกถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในยามที่สายสัมพันธ์ปักกิ่ง-ไทเปไม่สู้ดี

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ ทรัมป์ เพิ่งจะออกมาคุยว่าสหรัฐฯ และจีน “ใกล้ที่จะ” บรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนและฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

เรือพิฆาต ยูเอสเอส สเตตเฮม (USS Stethem) และเรือบรรทุกเครื่องกระสุน ซีซาร์ ชาเบซ (Cesar Chavez) ได้ล่องผ่านช่องแคบซึ่งกั้นกลางระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่และมีความกว้างราว 180 กิโลเมตร

“การที่เรือทั้งสองลำล่องผ่านช่องแคบไต้หวันสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่จะส่งเสริมความเสรีและเปิดกว้างในอินโด-แปซิฟิก” กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง

ล่าสุด ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากปักกิ่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันยืนยันวันนี้ (26) ว่า เรือของสหรัฐฯ ได้ออกพ้นช่องแคบไต้หวันไปแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ซึ่งตลอดเวลากองทัพไต้หวันได้เฝ้าติดตามเส้นทางของเรือรบทั้ง 2 ลำ แต่ก็ไม่พบกิจกรรมที่ผิดปกติหรืออาจเป็นภัยคุกคาม

แม้จะไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่สหรัฐฯ มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องปกป้องไต้หวันและเป็นซัพพลายเออร์อาวุธให้

ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา

จีนพยายามแสดงอิทธิพลเพื่ออ้างอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นแค่ ‘มณฑลทรยศ’ ภายใต้หลักการ ‘จีนเดียว’

นักวิเคราะห์เชื่อว่า ความกังวลเรื่องไต้หวันอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้จีนต้องทุ่มงบกลาโหมเพิ่มขึ้นในปีนี้ หลังจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์เตือนเมื่อช่วงปีใหม่ว่า จีนไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การปกครอง

จีนได้ส่งเครื่องบินทหารและกองเรือไปซ้อมรบเฉียดเกาะไต้หวันบ่อยขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังเดินเกมโน้มน้าวประเทศต่างๆ ให้ตัดสัมพันธ์กับไทเป ซึ่งทำให้เวลานี้ไต้หวันเหลือพันธมิตรทางการทูตอยู่แค่ไม่กี่ราย

สำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ (DIA) รายงานเมื่อต้นปีนี้ว่า ไต้หวันถือเป็น “แรงกระตุ้นหลัก” ที่ทำให้จีนต้องพัฒนาศักยภาพกองทัพให้ทันสมัย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายด้านตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้