MGR Online - กรณีแแก๊งงานบวชก่อเหตุทำร้ายและอาละวาดสนามสอบ GAT/PAT ร.ร.มัธยมวัดสิงห์ ได้ก่อเสียงโกรธแค้นอย่างดุเดือดแก่สังคมไทย ขณะเดียวกันมันได้ก่อคำถามว่าเราได้ตระหนักถึงความสำคัญกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กๆมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ ที่รัฐบาลเคยถึงขั้นออกนโยบายให้ทุกภาคส่วนงดใช้เสียงในวันสอบเอนทรานซ์ประจำปี
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วัยรุ่นและผู้ใหญ่ประมาณ 20 ราย อายุน้อยสุด 18 ปี และมากสุด 41 ปี ยกพวกเข้าไปในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย,ผู้อำนวยการโรงเรียน,คณะครูและเด็กรักเรียน จนได้รับบาดเจ็บไปหลายคน หลังจากไม่พอใจที่ทางวัดสิงห์ขอให้งดใช้เสียงในงานอุปสมบทเนื่องจากรบกวนการสอบ
คดีนี้ก่อความรู้สึกสลดใจและโกรธแค้นในวงกว้าง ขณะเดียวกันมันก็ได้ก่อคำถามว่าสังคมไทยบางส่วนนั้นตระหนักถึงความสำคัญกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กๆมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเกาหลีใต้ ซึ่งเคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายปีก่อนว่ารัฐบาลถึงขั้นต้องออกนโยบายให้ทุกภาคส่วนงดใช้เสียงในวันสอบเอนทรานซ์ประจำปี เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธินักศึกษาภายในสนามสอบ 1,257 แห่งทั่วประเทศ
MGR Online เคยแปลรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า ซึ่งระบุว่าเกาหลีใต้ทั้งประเทศได้เข้าสู่ภาวะเงียบงัน เพื่อเปิดทางให้นักเรียนเกือบ 650,000 คนเดินเข้าสู่สนามสอบเอนทรานซ์ ด้วยความสงบและมีสมาธิ สำหรับช่วงชิงที่นั่งในมหาวิทยาลัยชั้นดีที่ตนปรารถนา อันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะมีส่วนกำหนดอนาคตของเด็กๆในสังคมแดนกิมจิที่มีการแข่งขันสูงมาก
รายงานข่าวดังกล่าวให้ข้อมูลเสริมว่าจากความสำคัญของการสอบนี้ ประกอบกับแรงกดดันจากสังคมรอบข้างทำให้วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยป่วยเป็นโรคเครียด บางรายอาการหนักถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายเลยก็มี
ความสำเร็จในการสอบเอนทรานซ์หมายถึงการได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งจะเป็นกุญแจไปสู่หน้าที่การงานที่ดี และโอกาสในการเลือกคู่ครอง ด้วยความคาดหวังที่สูงมาก รัฐบาลเกาหลีใต้จึงมีนโยบายให้ทุกภาคส่วนงดใช้เสียงในวันสอบเอนทรานซ์ประจำปี เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธินักศึกษาภายในสนามสอบ
ณ ตอนนั้น กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้สั่งระงับเที่ยวบินขึ้น-ลงเป็นเวลา 40 นาทีในช่วงที่นักศึกษาจะต้องทำข้อสอบด้านการฟัง ส่วนกองทัพเกาหลีใต้เลื่อนกำหนดการซ้อมบินและซ้อมยิงกระสุนจริงออกไปก่อน ขณะที่ถนนทุกสายในรัศมี 200 เมตรรอบๆ สนามสอบถูกปิดการจราจร
หน่วยงานรัฐบาล บริษัทห้างร้าน รวมถึงไปตลาดหลักทรัพย์ ล้วนเปิดทำการช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาที่จะต้องเดินทางไปถึงสนามสอบก่อนเวลา
ขณะเดียวกันนักศึกษาคนใดที่เจอปัญหารถติดจนคาดว่าจะไปไม่ทันสามารถกดหมายเลข 112 เพื่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจ ซึ่งจะมีรถยนต์และจักรยานยนต์เตรียมไว้สำหรับพานักศึกษาไปยังศูนย์สอบให้ทัน
อย่างไรก็ตามทุกๆ ปีเมื่อการสอบเอนทรานซ์ใกล้เข้ามา มักจะเกิดกระแสถกเถียงในสังคมเกาหลีใต้เกี่ยวกับปัญหาความหมกหมุ่นเรื่องการศึกษา และข้อดีข้อเสียของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หลายคนมองว่าการสอบเอนทรานซ์เป็นวิธีตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด เพราะนักศึกษาทุกคนจะต้องทำข้อสอบชุดเดียวกัน และเป็นข้อสอบแบบปรนัยเพื่อป้องกันการให้คะแนนแบบอิงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ตรวจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเกิดปัญหา เช่นกรณีข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์เมื่อปี 2013 ซึ่งมีค่า 3 คะแนนจากทั้งหมด 340 คะแนน ปรากฏว่ามีนักศึกษาและผู้ปกครองบางคนท้วงติงเฉลย จนต้องต่อสู้ทางกฎหมายกันอยู่นานเป็นปี
ในด้านความปลอดภัย อาจารย์ผู้ออกข้อสอบหลายร้อยคนจะถูกส่งไปยังสถานที่เร้นลับนานกว่า 1 เดือน และจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อการสอบผ่านพ้นไปแล้ว ระหว่างนั้นพวกเขาจะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อญาติมิตร และจะถูกตรวจข้าวของเครื่องใช้อย่างละเอียด แม้กระทั่งเศษอาหารที่รับประทานเหลือ