xs
xsm
sm
md
lg

ราชา‘ซอสหอยนางรมลีกุมกี่’ กลายเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับ 3 ของฮ่องกง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เบน คว็อก

ลี มานตัต ประธานของกลุ่มลีกุมกี่ เจ้าของซอสหอยนางรม “ลีกุมกี่” ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของฮ่องกง (ภาพจากเว็บไซต์ https://corporate.lkk.com/
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Oyster sauce king becomes third richest man in HK
By Ben Kwok
15/02/2019

ประธานของกลุ่มลีกุมกี่ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปีที่ผ่านมา จึงสามารถแซงเข้าป้ายเป็นอภิมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของฮ่องกง ทั้งนี้ซอสหอยนางรมลิมกุมกี่ของบริษัทนี้ ไม่เพียงมีประจำอยู่ในแทบทุกครัวเรือนของฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมของพวกภัตตาคารจีนในต่างแดน

มีคำพูดติดปากที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างอิงกันอยู่บ่อยๆ ว่า ฮ่องกงนั้นถูกปกครองโดยคนแซ่หลี่ หรือ ลี (ภาษาอังกฤษคือ Li, Lee ตัวอักษรจีนนั้นเขียนด้วยอักษรตัวเดียวกัน เพียงแต่คนจีนในท้องที่ต่างๆ อาจออกเสียงแตกต่างกันไป) เพราะพวกไทคูนเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้ทรงอำนาจอิทธิพลบารมีจำนวนมากทีเดียว ใช้แซ่นี้ซึ่งอันที่จริงก็เป็นแซ่ใหญ่แซ่หนึ่งในแดนมังกร

หลี่ กาชิง (Li Ka-shing) แห่งกลุ่มบริษัทเฉิงคง โฮลดิ้งส์ (Cheung Kong Holdings) ผู้มีฉายาว่า “ซูเปอร์แมน” คือบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในนครแห่งนี้ตลอดระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตามติดๆ ด้วยเพื่อนของเขา ลี เชากี (Lee Shau-kee) ผู้เป็นเจ้าของบริษัทเฮนเดอร์สัน แลนด์ (Henderson Land)

แล้วในตอนนี้ซึ่งได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปรากฏว่าบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของฮ่องกงก็ใช้แซ่เดียวกันนี้อีก นั่นคือ ลี มานตัต (Lee Man-tat) ประธานของกลุ่มลีกุมกี่ (Lee Kum Kee Group) ผู้เข้าสู่ตำแหน่งนี้ได้เมื่อทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นมาเท่าตัวกลายเป็น 17,100 ล้านดอลลาร์ จึงเบียดขับ โจเซฟ เหลา (Joseph Lau) ผู้ถือหุ้นเกินกว่าครึ่งหนึ่งของ ไชนิส เอสเตทส์ (Chinese Estates) ให้ตกลงไปอยู่ที่ 4 ทั้งนี้ตาม “รายชื่อบุคคลร่ำรวยในเอเชียของนิตยสารฟอร์บส์” (Forbes Asia Rich List) ล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่ในเดือนนี้

นับเป็นครั้งแรก ที่ ลี มานตัต หักด่านเข้าสู่รายชื่อในระดับท็อปเทนได้สำเร็จ ถึงแม้ความร่ำรวยของเขายังคงถูกทิ้งห่างจาก หลี่ กาชิง (31,700 ล้านดอลลาร์) และ ลี เชากี (30,000 ล้านดอลลาร์) อยู่อักโข กลุ่มลีกุมกี่ ของ ลี มานตัต นั้นยังคงแทบไม่เป็นที่รู้จักอะไรกันเลย ถึงแม้ก่อตั้งขึ้นมานานย้อนหลังไปไกลได้ถึงปี 1888 I ตำบลหนานสุ่ย (Nanshui) ของเมืองจูไห่ (Zhuhai) มณฑลกวางตุ้ง

ซอสหอยนางรม “ลีกุมกี่” ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา สามารถหาได้จากแทบทุกครัวเรือนในฮ่องกง ตลอดจนตามภัตตาคารร้านอาหารจีนจำนวนมากในตลอดทั่วโลก กลุ่มลีกุมกี่ซึ่งเป็นกิจการเอกชนไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลทางการเงินใดๆ แก่สาธารณชน แต่เป็นที่เชื่อกันว่าบริษัทสามารถขายพวกผลิตภัณฑ์ซอสทำจากถั่วเหลืองได้มากกว่า 100 ล้านขวดในแต่ละปี

ครอบครัวของเขายังเป็นผู้บริหารบริษัทขายตรงที่ใช้ชื่อว่า “อินฟินิตุส” (Infinitus) ซึ่งสามารถแซงหน้า “แอมเวย์” (Amway) ในด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศจีน

ด้วยรายรับอันมหาศาลที่ทำได้จากอินฟินิตุสนี่เอง กลุ่มลีกุมกี่ก็ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวระดับโลก จากการเข้าซื้ออาคาร เลขที่ 2 ถนนเฟนเชิร์ช (No.2 Fenchurch Street) ในกรุงลอนดอน ในราคา 1,300 ล้านปอนด์ (1,670 ล้านดอลลาร์) ซึ่งถือเป็นราคาสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการจ่ายสำหรับซื้อหาอาคารเพื่อการพาณิชย์เพียงอาคารเดียวในมหานครแห่งนั้น นอกจากนั้นแล้ว ทางกลุ่มยังได้ลงทุนอย่างน้อยที่สุด 30,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงและตลาดโพ้นทะแล

อย่างไรก็ดี บริษัทใช่ว่าดำเนินกิจการไปได้อย่างราบรื่นทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเดือนที่แล้วมีคณะบุคคลจำนวนสิบกว่าคนยื่นเรื่องร้องเรียนบริษัท โดยระบุว่าสมาชิกครอบครัวของพวกเขาได้เสียชีวิต หรือไม่สุขภาพของพวกเขาเองก็ย่ำแย่ลง ภายหลังบริโภคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของอินฟินิตุส

ทั้งนี้ อินฟินุตุส ได้ถูกเล่นงานโดย เหรินหมินรึเป้า (People’s Daily) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทางสื่อสังคม “เว่ยโป๋” สืบเนื่องจากการถูกร้องเรียนเหล่านี้ (ดูรายละเอียดข่าวนี้เป็นภาษาจีนได้ที่ http://news.sina.com.cn/s/2019-01-19/doc-ihrfqziz9198940.shtml) ทางบริษัทได้ออกคำแถลงหลายฉบับระบุว่าเฝ้าติดตามกรณีทั้งหมดที่ถูกกล่าวหาเหล่านี้ และจะยังคงปฏิบัติตนด้วยความโปร่งใส่ต่อสาธารณชน (ดูรายละเอียดเป็นภาษาจีนได้ที่ https://www.infinitus.com.cn/c/2019-01-20/94583.shtml)


กำลังโหลดความคิดเห็น