รอยเตอร์ - อุตสาหกรรมวิสกี้ในสหรัฐอเมริกาเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการทางภาษีศุลกากรที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อตอบโต้คำสั่งรีดภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
สภาผู้ผลิตสุรากลั่นของสหรัฐฯ (Distilled Spirits Council) เปิดเผยข้อมูลเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า มูลค่าการส่งออกวิสกี้ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมทั้งไรย์ (rye) และเบอร์เบิน (bourbons) ทำสถิติเติบโตได้ถึง 28% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 แต่หลังจากที่แคนาดา เม็กซิโก จีน และสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า ยอดส่งออกวิสกี้จาก 37 รัฐในอเมริกาก็ลดลงถึง 8.2% ระหว่างเดือน ก.ค. ถึง พ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017
มาตรการแก้แค้นจากหลายประเทศที่เป็นตลาดใหญ่ส่งผลให้ตัวเลขส่งออกที่เคยเฟื่องฟูในครึ่งแรกของปี 2018 หายไปจนหมดสิ้น
“ภาษีศุลกากรเริ่มจะส่งผลเสียต่อการส่งออก” คริสทีน โลกัสซิโอ รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของสภาผู้ผลิตสุรากลั่นสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (12)
“ผู้ผลิตสุรากลั่นรายย่อยเริ่มสัมผัสถึงผลกระทบได้ตั้งแต่วันแรก”
ผู้ผลิตวิสกี้สหรัฐฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศสูงถึง 1,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2017 โดยเกือบ 60% ถูกส่งไปจำหน่ายในอียู, 12% ในแคนาดา ส่วนที่เหลือกระจายไปในหลายประเทศรวมถึงจีน
ปีที่แล้วอุตสาหกรรมวิสกี้อเมริกันทำรายได้โดยรวมเพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ราวๆ 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สหภาพยุโรปเริ่มเก็บภาษีศุลกากรวิสกี้อเมริกันในอัตรา 25% เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว ตัวเลขการส่งออกไปอียูก็ลดลง 8.7% ในอีก 5 เดือนถัดมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017
ในทำนองเดียวกัน เมื่อรัฐบาลแคนาดาเริ่มกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 10% ในวันที่ 1 ก.ค. ปีที่แล้ว ยอดจำหน่ายวิสกี้อเมริกันในแคนาดาก็ลดลง 8.3% ระหว่างเดือน ก.ค. - พ.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า