เดอะซัน - ฝรั่งเศสกำลังสร้างขีปนาวุธร่อนไฮเปอร์โซนิก ความเร็วสูงสุด 4,000 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราว 6,400 กม.ต่อชั่วโมง) ขณะที่ปารีสเดินหน้าแข่งขันกับรัสเซีย, จีน และสหรัฐฯ ในการสร้างขีปนาวุธเร็วระดับไฮเปอร์โซนิก (ความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5 เท่าขึ้นไป) ที่สามารถปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์
รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสมีเป้าหมายสร้างขีปนาวุธร่อนไฮเปอร์โซนิกภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นชาติแรกในสหภาพยุโรปที่พัฒนาอาวุธที่สามารถทำความเร็วได้อย่างน้อยๆ 5 เท่าของเสียง (3,800 ไมล์ต่อชั่วโมง)
“หลายประเทศกำลังมีมัน (อาวุธเร็วเหนือเสียง 5 เท่าขึ้นไป) และเรารู้องค์ความรู้สำหรับพัฒนามัน” ฟลอรองซ์ แปร์ลี รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศสกล่าว “เราไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว”
ขีปนาวุธความเร็วสูงขนาดนี้จะช่วยให้ฝรั่งเศสมีความล้ำหน้าเหนือระบบเซ็นเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธใดๆ รวมถึงขีปนาวุธสกัดกั้นที่ออกแบบมาสำหรับต่อต้านขีปนาวุธรุ่นเก่าที่มีความเชื่องช้ากว่า “เป้าหมายคือมีความคล่องแคล่วในความเร็วสูง” DGA สำนักงานจัดซื้อจัดจ้างกลาโหมฝรั่งเศสระบุ
“มันมีความต่างจากเส้นโคจรของขีปนาวุธทั่วไป เมื่อถึงระดับความเร็วแล้ว เราสามารถเปลี่ยนความเร็วและความสูง ปรับระดับขึ้นหรือลง ไปทางซ้ายหรือไปทางขวา สร้างวิถีโคจรที่ทำให้การสกัดกั้นทำได้ยากขึ้น” DGA ระบุ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ตอนนี้ ฝรั่งเศสก้าวมาแข่งขันกับสหรัฐฯ, จีน และรัสเซีย ในการมีขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกเป็นชาติแรกของโลก
“อาวองการ์ด” ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ของรัสเซีย ซึ่งติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป SS-19 ได้ผ่านการทดสอบโจมตีเป้าหมายแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าแม้หากว่าจะไม่ติดตั้งหัวรบ แต่ด้วยความเร็งสูงสุดของมัน 27 มัค หรือราว 33,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มันมีแสนยานุภาพทำลายล้างเป้าหมายใดๆ ก็ได้
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ฮีเทอร์ วิลสัน รัฐมนตรีทบวงกองทัพอากาศ แห่งกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เผยว่าอเมริกากำลังเสร็จสิ้นการสร้างอาวุธชนิดหนึ่งที่สามารถพุ่งด้วยความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า
แหล่งข่าววงในในหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ก็อ้างด้วยว่า จีนก็อาจเปิดตัวปืนเรือที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในโลกภายในเวลาแค่ 6 ปีข้างหน้า ด้วยมันสามารถยิงขีปนาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง 7 เท่า ขณะที่สื่อมวลชนระบุว่าปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วไฮเปอร์โซนิก ซึ่งมีศักยภาพโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 124 ไมล์ (ราว 200 กิโลเมตร) ผ่านการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว