มาร์เกตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันในวันจันทร์ (11 ก.พ.) ปรับลดเล็กน้อยจากความกังวลด้านกำลังผลิตสหรัฐฯ และดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำปิดลบเช่นกัน ขณะที่วอลล์สตรีทผันผวน จับตาการเจรจาทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 31 เซ็นต์ ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 59 เซ็นต์ ปิดที่ 61.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทผู้ให้บริการทางพลังงาน เผยแพร่รายงานเมื่อวันศุกร์ (8 ก.พ.) ระบุว่ามีแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ เดินเครื่องเพิ่มเติม 7 แท่น เป็น 854 แท่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บ่งชี้ถึงแนวโน้มอุปทานที่เพิ่มขึ้น
ตัวเลขดังกล่าวซ้ำเติมความกังวลต่อความเป็นไปได้อุปสงค์อ่อนแอ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้แล้ว ราคาน้ำมันยังถูกฉุดจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และปัจจัยนี้เองที่ส่งผลให้ราคาทองคำในวันจันทร์ (11 ก.พ.) ปรับลดอย่างหนัก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 6.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,311.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (11 ก.พ.) ปิดผสมผสาน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนจับการเจรจาทางการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
ดาวโจนส์ ลดลง 53.22 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,053.11 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.92 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,709.80 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.71 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,307.90 จุด
นักลงทุนจับตาการเจรจาทางการค้าที่กรุงปักกิ่งที่เริ่มขึ้นแล้ว ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม ที่อาจนำไปสู่การที่สหรัฐฯ รีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม หากทั้งสองฝ่ายไม่อาจบรรลุข้อตกลงกันได้
เจ้าหน้าที่ระดับทำงานของฝ่ายอเมริกาที่โดยเจฟฟรีย์ เจอร์ริช รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เข้าประชุมเตรียมการกับฝ่ายจีน ก่อนที่ทีมเจรจาระดับสูงจะเริ่มพูดจากันในวันพฤหัสบดี จนถึงวันศุกร์ (14-15) ซึ่งคณะของทางอเมริกา จะนำโดยโรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชิน ส่วนของจีนนำโดยรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ และ อี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลาง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ทั้งสองฝ่ายบอกว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจารอบที่ผ่านมาในวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาไปที่การหารือของเหล่าสมาชิกสภาคองเกรสในวอชิงตัน ในความพยายามคลี่คลายทางตันด้านงบประมาณให้ได้ก่อนถึงวันศุกร์ (15 ก.พ.) มิเช่นนั้นก็เสี่ยงเผชิญภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราวบางส่วนอีกรอบ