เอเอฟพี – ฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งตั้งตนเป็นประธานาธิบดีรักษาการของเวเนซุเอลา ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะปล่อยให้สหรัฐฯ เข้าแทรกแซงเพื่อบีบประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ให้ยอมสละอำนาจ และยับยั้งวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้น
กวยโด ซึ่งเป็นประธานรัฐสภายืนยันกับเอเอฟพีว่า ตน “จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตผู้คน” แต่ก็ยอมรับว่าการแทรกแซงของสหรัฐฯ “เป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันมาก”
รัฐบาล 40 กว่าประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ และ 20 ประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ต่างให้การรับรองสถานะประธานาธิบดีรักษาการของ กวยโด หลังจากนักการเมืองหนุ่มฝ่ายค้านรายนี้ตั้งตัวเป็นแกนนำขับไล่ มาดูโร เมื่อเดือนที่แล้ว
เวเนซุเอลากำลังเผชิญภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจ ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นล้านๆ เปอร์เซ็นต์ รวมถึงปัญหาขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหารและยารักษาโรค
“เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดรายจ่ายทางสังคม สร้างความสามารถในการบริหารและเสถียรภาพเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉิน” กวยโด วัย 35 ปี ระบุ
กวยโด เรียกร้องให้สหรัฐฯ ช่วยส่งอาหารและยาเข้ามายังเวเนซุเอลา ทว่าสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ยังคงติดอยู่ที่โกดังในโคลอมเบีย เนื่องจากกองทัพเวเนฯ ที่ภักดีต่อ มาดูโร ไม่อนุญาตให้นำเข้ามา
มาดูโร ซึ่งเป็นทายาทการเมืองของผู้นำหัวซ้าย อูโก ชาเบซ ประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ ส่ง “ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมลวง” เข้ามา และอ้างว่าความปั่นป่วนทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็น “แผนของวอชิงตัน” เพื่อหาข้ออ้างในการแทรกแซง
กวยโด เตือนว่า ชาวเวเนฯ 300,000 คนอาจต้องตายหากไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยด่วน และตนจะพยายามนำความช่วยเหลือเข้าประเทศให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า
ระบบสาธารณูปโภคที่ล้มเหลวทั้งน้ำประปา ไฟฟ้า และการคมนาคมขนส่งคือหนึ่งในปัญหาร้ายแรงที่ชาวเวเนซุเอลากำลังเผชิญ ขณะที่โรงพยาบาลก็เริ่มมียาและบุคลากรการแพทย์ไม่เพียงพอ
กวยโด ชี้ว่า มาดูโร ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เนื่องจากสหรัฐฯ อียู และเพื่อนบ้านในละตินอเมริกาต่างเห็นตรงกันว่า ศึกเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้วไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
เขายืนยันว่า รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจแก่ประธานรัฐสภาในการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำรักษาการ และจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
กวยโด ยังคงหวังว่ากองทัพเวเนซุเอลาจะตัดสินใจละทิ้งมาดูโร และเตือนว่าการขัดขวางความช่วยเหลืออาจเข้าข่าย “ก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ”
บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงยูเรเชียกรุ๊ป (Eurasia Group) ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7) ว่า รัสเซียและจีนซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของ มาดูโร คงจะไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างมีนัยสำคัญมากนัก และมีความเสี่ยงสูงที่ผู้นำสังคมนิยมรายนี้จะไม่สามารถรักษาฐานอำนาจไว้ได้