เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ตำรวจโคเปนเฮเกนออกแถลงเมื่อวานนี้(4 ก.พ)ว่า เดนมาร์กออกคำสั่งเนรเทศพนักงานบริษัทโทรคมนาคมจีน หัวเว่ย จำนวน 2 ราย หลังเข้าตรวจค้นและพบว่าใบอนุญาตการทำงานและการอาศัยอยู่ภายในประเทศไม่ถูกต้อง
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(4 ก.พ)ว่า แหล่งข่าวตำรวจเดนมาร์กได้ให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า “เมื่อวันพฤหัสบดี(31 ม.ค)ที่ผ่านมา ทางตำรวจเดนมาร์กได้เข้าตรวจค้นใบอนุญาตการทำงานและการอาศัยในประเทศตามปกติที่สำนักงานบริษัทหัวเว่ย”
และพบว่ามี 2 เคสที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้อง แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า โดยคนทั้งคู่ซึ่งเป็นพนักงานที่นั่น แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ได้รับคำสั่งให้เดินทางออกนอกประเทศทันที
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า การตรวจค้นใบอนุญาตถือเป็นเรื่องปกติที่ทางตำรวจเดนมาร์กทำ เกิดขึ้นในสำนักงานที่มีพนักงานต่างชาติทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งหลังการตรวจค้นวันพฤหัสบดี(31 ม.ค) ของสำนักงานสาขาประจำกรุงโคเปนเฮเกน มี 4 รายถูกตั้งข้อหา ซึ่งสอดคล้องกับการรายงานของเอเอฟพี ที่ว่าจากทั้งหมด พบ 2 รายถูกสั่งขับออกนอกประเทศ ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ ข้อกล่าวหาถูกสั่งให้ตกไป อ้างอิงจากโฆษกตำรวจแห่งชาติเดนมาร์กแถลงวันจันทร์(4)
สื่อธุรกิจบลูมเบิร์กซึ่งเป็นเจ้าแรกที่รายงานชี้ว่า ด้านโฆษกของหัวเว่ยออกมายืนยันว่า “การตรวจเช็กวีซ่าถือเป็นเรื่องปกติ และทางเราให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่”
ในขณะที่ทางโฆษกหญิงสำนักงานตำรวจเดนมาร์กชี้ว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทหัวเว่ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่บริษัทถูกเพ่งเล็งจากทั่วโลกในการที่ หัวเว่ยมีสายสัมพันธ์ทางความมั่นคงแนบแน่นกับรัฐบาลจีน และปักกิ่งอาจใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยในการลักลอบทำจารกรรมความลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่หัวเว่ยปฎิเสธข้อกล่าวหา
บลูมเบิร์กชี้ว่า ในเวลานี้ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า มาตรการที่ทางเดนมาร์กใช้เกี่ยวข้องกับความวิตกถึงปัญหาการจารกรรมที่อื้อฉาว
ซึ่งในเดือนที่แล้ว โปแลนด์ได้จำคุกพนักงานหัวเว่ย 1 คน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำสำนักงานความมั่นคงภายในโปแลนด์(Internal Security Agency)
พร้อมกล่าวหาว่า คนทั้งคู่ร่วมมือลอบทำจารกรรมต่อโปแลนด์ ผลทำให้ทางหัวเว่ยสั่งไล่ออกพนักงานคนดังกล่าว โดยอ้างว่ากระทำผิดตามกฎหมายโปแลนด์ พร้อมยืนยันว่าคดีความของเขาไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท