รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - 10 ประเทศสำคัญของยุโรปประกาศในวันจันทร์ (4 ก.พ.) เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในการรับรองผู้นำของฝ่ายค้าน ฮวน กวยโด เป็นประธานาธิบดีชั่วคราวของเวเนซุเอลา ขณะที่ “ทรัมป์” สำทับว่าการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ยังคงเป็น “ทางเลือกหนึ่ง” ที่วอชิงตันอาจพิจารณานำมาใช้ ด้านรัสเซียเตือนต่างชาติ อย่าได้ “สอดแทรกทำให้เกิดความเสียหาย” ในเวเนซุเอลา
ฝรั่งเศส, สเปน, เยอรมนี, สหราชอาณาจักร, โปรตุเกส, สวีเดน, เดนมาร์ก, สาธารณรัฐเช็ก, ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์ 9 ชาติสำคัญในยุโรปเคลื่อนไหวอย่างร่วมมือประสานงานกันคราวนี้ มีขึ้นหลังจากหมดเวลาตามคำขาดที่ให้เวลา 8 วันสำหรับมาดูโรที่จะประกาศจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่
ปรากฏว่า มาดูโรไม่ฟังเสียง บอกว่ารัฐบาลเวเนซุเอลาไม่ยอมรับการขีดเส้นตายจากประเทศใดๆ และจะจัดเลือกตั้งตามกำหนดเดิมคือปี 2024แถมท้าทายพวกเขาโดยกล่าวว่าพวกผู้ปกครองยุโรปเหล่านี้มุ่งประจบเอาใจและเดินตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเท่านั้น
กวยโด ซึ่งเป็นประธานของสมัชชาแห่งชาติ ได้ประกาศตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีรักษาการเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญของเวเนซุเอลา เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากชัยชนะในการเลือกตั้งสมัยสองของมาดูโรเมื่อปีที่แล้วนั้น เป็นไปอย่างฉ้อฉลไม่ชอบธรรม จึงถือว่าเป็นโมฆะ
ปรากฏว่าทรัมป์ได้รับรองกวยโดในทันที เช่นเดียวกันหลายประเทศในละตินอเมริกา ตลอดจนแคนาดา ทว่าพวกชาติสหภาพยุโรปแสดงความลังเล บางประเทศยุโรปจึงหันมาใช้วิธียื่นคำขาดให้มาดูโรจัดการเลือกตั้งใหม่ แล้วก็ใช้เรื่องที่เขาขัดขืนมาเป็นเหตุผลประกาศรับรองกวยโด
ทรัมป์ ซึ่งให้สัมภาษณ์รายการ “เฟซ เดอะ เนชัน” ทางเครือข่ายซีบีเอสที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (3) ได้กล่าวด้วยว่า การแทรกแซงทางทหารในเวเนซุเอลาเป็นทางเลือกหนึ่งที่อยู่ในการพิจารณา และสำทับว่า เมื่อหลายเดือนก่อนมาดูโรเคยขอนัดหารือแต่เขาปฏิเสธ เนื่องจากอเมริกาเดินแผนมาไกลแล้ว และตอนนี้คิดว่า แผนการดังกล่าวกำลังจะเสร็จสิ้น
สัปดาห์ที่แล้ว คณะบริหารของทรัมป์ยังได้ออกมาตรการลงโทษคว่ำบาตรพีดีวีเอสเอ รัฐวิสาหกิจน้ำมันซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของเวเนซุเอลาที่กำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนอาหารและยา
ทั้งนี้ มาดูโร วัย 56 ปี อดีตผู้นำสหภาพแรงงานและคนขับรถเมล์ ซึ่งขึ้นแทน ฮูโก ชาเบซ อดีตผู้นำเผด็จการที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในปี 2013 บริหารเศรษฐกิจเวเนซุเอลาจนล่มสลายและทำให้ประชาชน 3 ล้านคนต้องหนีออกนอกประเทศ
มาดูโรโทษสงครามเศรษฐกิจของอเมริกา อีกทั้งกล่าวหาวอชิงตันพยายามรัฐประหารตน
ขณะเดียวกัน เขายังคงได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย จีน ตุรกี และกองทัพของประเทศ
ในวันอาทิตย์ (3) อเล็กซานเดอร์ เชตินิน อธิบดีกรมละตินอเมริกาของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ว่า เป้าหมายของนานาชาติควรเป็นการช่วยเหลือเวเนซุเอลา ไม่ใช่การแทรกแซงให้เกิดความเสียหาย
มอสโกยังกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของยุโรปเป็นความพยายามสร้างความชอบธรรมเพื่อให้กวยโดยึดอำนาจและเปิดทางให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงเวเนซุเอลามากขึ้น
กวยโดวัย 35 ปี เป็นผู้ที่สามารถชุบชีวิตใหม่ให้ฝ่ายค้านที่เคยแตกแยกและอ่อนแอ เขาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมใหญ่เพื่อกดดันให้รัฐบาลมาดูโรออกไป โดยที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2) มีประชาชนนับหมื่นคนออกมาชุมนุมตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศ
พันธมิตรของกวยโดยังวางแผนนำอาหารและยาจำนวนมากที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรไม่หวังผลกำไร ข้ามพรมแดนจากโคลอมเบียเข้าสู่เวเนซุเอลาที่รัฐทาชิราในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ตัดสินใจว่า จะใช้จุดผ่านแดนใด
นอกจากนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า รัฐบาลมาดูโรที่ยืนยันว่า ประเทศไม่ได้เผชิญวิกฤตมนุษยธรรม จะอนุญาตให้ลำเลียงความช่วยเหลือจากต่างชาติข้ามแดนหรือไม่
นับแต่ที่กวยโดประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี มาดูโรเดินทางไปร่วมชมการซ้อมรบของฝ่ายทหารหลายครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตนยังคงได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ และกองทัพเวเนซุเอลาพร้อมปกป้องประเทศ
ขณะเดียวกัน แม้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนายพลผู้หนึ่ง คือ พลอากาศตรีฟรานซิสโก ยาเนซ จากกองทัพอากาศ ประกาศหันหลังให้มาดูโรและเรียกร้องทหารคนอื่นๆ ทำแบบเดียวกัน ทว่า ยังคงไม่มีสัญญาณการแปรพักตร์จากกองทัพ โดยที่เวเนซุเอลายังมีทหารระดับนายพลถึง 2,000 คน จำนวนมากทีเดียวเป็นพวกที่ไม่ได้คุมกำลัง ซึ่งยาเนซก็อยู่ในข่ายนี้ การแปรพักตร์ของเขาตลอดจนทหารคนอื่นๆ ที่ผ่านมาจึงยังไม่ได้ทำให้รัฐบาลสังคมนิยมของมาดูโรสั่นคลอนแต่อย่างใด
ที่สำคัญมาดูโรยังได้รับการสนับสนุนจากตำรวจ เดือนที่แล้วกองกำลังพิเศษในชื่อ ฟาเอส (FAES) บุกค้นบ้านเรือนหลายหลังภายหลังเหตุการณ์วุ่นวายที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงของฝ่ายค้าน และสังหารประชาชน 10 คนในปฏิบัติการครั้งหนึ่งในย่านสลัมเชิงเขาของกรุงการากัส