เอเอฟพี - ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ออกมาประกาศเลิกทำสงครามกับแก๊งค้ายาเสพติดในแดนจังโก้ เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) โดยยืนยันว่า กองทัพจะไม่มีภารกิจหลักในการกวาดล้างพวกราชายาเสพติดอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางคนออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับคำประกาศนี้ โดยระบุว่า โลเปซ โอบราดอร์ ยังไม่ได้สั่งถอนทหารออกจากท้องถนนอย่างที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อตอนหาเสียง มิหนำซ้ำ ยังเสนอให้ตั้งหน่วยเนชันแนลการ์ด ซึ่งเท่ากับเพิ่มอิทธิพลให้แก่กองทัพ
เม็กซิโกส่งทหารไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติดทรงอิทธิพลมาตั้งแต่ปี 2006 ทว่า ยุทธศาสตร์นี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะแม้จะสามารถจับกุมพวกราชายาเสพติดรายใหญ่ได้ แต่ก็นำไปสู่เหตุรุนแรงทั้งระหว่างแก๊งค้ายาเสพติดด้วยกันเองและกับกองทัพ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม โลเปซ โอบราดอร์ ว่า รัฐบาลของเขาจับกุมพ่อค้ายาเสพติดไปได้แล้วกี่รายนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ธ.ค. ซึ่งผู้นำเม็กซิโกตอบว่า “นั่นไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของเราอีกต่อไป”
“จะไม่มีสงครามอีกต่อไปแล้ว เราปรารถนาสันติภาพ และเราจะต้องทำให้สันติภาพเกิดขึ้นให้ได้”
ผู้นำจังโก้ ยอมรับว่า “ไม่มีพ่อค้ายาเสพติดถูกจับ เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเรา เป้าหมายหลักของรัฐบาลชุดนี้คือการันตีความปลอดภัยให้แก่ประชาชน สิ่งที่เราต้องการคือความมั่นคง และลดสถิติการก่อเหตุฆาตกรรมรายวันลง”
เม็กซิโกมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นกว่า 200,000 ครั้ง นับตั้งแต่รัฐบาลส่งทหารลงพื้นที่ชุมชนเมื่อ 13 ปีก่อน บางรัฐของเม็กซิโกมีสถิติฆาตกรรมสูงพอๆ กับประเทศที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลก
ปีที่แล้วมีคนถูกฆาตกรรมในเม็กซิโกมากถึง 33,341 ราย ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์
โลเปซ โอบราดอร์ ให้สัญญาว่าจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาชญากรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็เสนอให้มีการตั้งกองกำลังเนชันแนลการ์ดซึ่งจะมีกำลังพลหลายหมื่นนาย และโอนภารกิจของตำรวจพลเรือนให้มาอยู่ในความดูแลของกองทัพอย่างเป็นทางการ
อเลคันโดร โฮป ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ชี้ว่า คำพูดของ โลเปซ โอบราดอร์ เมื่อวานนี้ (30) “ขัดแย้งกันเองอย่างชัดเจน”
“ยุทธศาสตร์ต่อต้านอาชญากรรมของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร และไม่แตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่อาจจะทำให้กองทัพยิ่งมีอำนาจในการดูแลความมั่นคงสาธารณะมากขึ้นไปอีกด้วย”
นักสิทธิมนุษยชน เตือนว่า การตั้งกองกำลังเนชันแนลการ์ดจะทำให้เม็กซิโกกลายเป็น “รัฐทหาร” อย่างถาวร