เอเอฟพี - ซีเรียและอิหร่านลงนามข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจรวม 11 ฉบับเมื่อค่ำวานนี้ (28 ม.ค.) ซึ่งรวมถึง “ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว” ซึ่งมุ่งกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างดามัสกัสกับเตหะราน หนึ่งในพันธมิตรหลักที่ช่วยค้ำจุนอำนาจให้แก่รัฐบาล บาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมืองซีเรีย
สำนักข่าว SANA ของทางการซีเรียรายงานว่า ข้อตกลงเหล่านี้ได้รับการลงนามโดยนาย อีชัค จาฮังกีรี (Eshaq Jahangiri) รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ของอิหร่านซึ่งเดินทางไปเยือนดามัสกัส โดยมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งประเด็นเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน และการเคหะ
อีมาด คามิส (Imad Khamis) นายกรัฐมนตรีซีเรีย ระบุว่า ข้อตกลงเหล่านี้คือสาส์นที่ประกาศให้โลกรับรู้ถึงความร่วมมือระหว่างซีเรียกับอิหร่าน และยังอ้างถึง “มาตรการอำนวยความสะดวกทางกฎหมายและการบริหาร” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทอิหร่านที่ต้องการเข้าไปลงทุนในซีเรีย และมีส่วนช่วย “ฟื้นฟูประเทศอย่างได้ผล”
ข้อตกลงเหล่านี้ยังรวมถึงบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับระหว่างการรถไฟและหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ
คามิส ระบุว่า ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานนั้นจะมีการฟื้นฟูเมืองท่าสำคัญ 2 แห่งของซีเรีย ได้แก่ ตาร์ตุส (Tartus) และ ลาตาเกีย (Latakia) รวมถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังผลิต 540 เมกะวัตต์
ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีแผนร่วมทุนด้านอุตสาหกรรมน้ำมันและการเกษตรอีกหลายสิบโครงการ
สงครามกลางเมืองซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 8 ได้ทำลายทั้งสภาพบ้านเมือง สาธารณูปโภค และระบบเศรษฐกิจของซีเรีย โดยองค์การสหประชาชาติประเมินมูลค่าความเสียหายจากสงครามครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จาฮังกีรี ยืนยันว่า อิหร่าน “พร้อมจะยืนหยัดเคียงซีเรีย ในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู”
อิหร่านและซีเรียได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางทหารเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว โดยเตหะรานมีส่วนช่วยสนับสนุนดามัสกัสในเชิงเศรษฐกิจระหว่างที่เกิดสงครามผ่านการขนส่งน้ำมันและให้สินเชื่อ
สำหรับข้อตกลงชุดใหม่นี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ใช้บทลงโทษทางเศรษฐกิจกับอิหร่านอีกครั้ง ขณะที่ระบอบอัสซาด รวมถึงบริษัทและนักธุรกิจซีเรียหลายรายก็โดนสหรัฐฯ และยุโรปขึ้นบัญชีดำ และยังมีคำขู่จากอิสราเอลที่ประกาศกร้าวจะไม่ยอมให้อิหร่านสยายอิทธิพลทางทหารครอบงำซีเรีย