เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวประสานเสียงกระทรวงต่างประเทศจีน สยบข่าวยกเลิกเจรจาข้อพิพาททางการค้าปลายเดือนนี้ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังย้ำว่า ทรัมป์จะไม่ยอมอ่อนข้อเด็ดขาดในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยืนยันร้องขอให้แคนาดาส่งตัวผู้บริหารหัวเว่ยอย่างเป็นทางการ ทำให้โฆษกจีนโต้ว่า นี่เป็นพฤติกรรม “การข่มเหงรังแกทางเทคโนโลยี”
รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอของจีน มีกำหนดหารือกับคณะเจรจาการค้าสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันสัปดาห์หน้า เพื่อสะสางข้อพิพาททางการค้าให้ลุล่วงภายในเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งข้อตกลงสงบศึกการค้าชั่วคราวจะสิ้นสุดลง เปิดทางให้อเมริการีดภาษีสินค้าจีนล็อตใหม่ หากไม่สามารถหาข้อสรุปที่เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายได้
วอชิงตันและปักกิ่งตอบโต้กันด้วยภาษีศุลกากรครอบคลุมสินค้ารวมมูลค่ากว่า 360,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายเปิดฉากสงครามการค้าเนื่องจากไม่พอใจแนวทางปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของจีน ซึ่งเป็นสิ่งที่สหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติกังวลเช่นเดียวกัน
ตอนบ่ายวันอังคาร (22 ม.ค.) หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ของอังกฤษ และโทรทัศน์ช่องการเงินซีเอ็นบีซีของอเมริการายงานว่า วอชิงตันยกเลิกการประชุมเตรียมการที่กำหนดไว้ในสัปดาห์นี้ก่อนที่หลิวจะไปเยือน
รายงานดังกล่าวอ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อเมริกันว่า การเจรจาประเด็นสำคัญที่สุด เช่น การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนอย่างครอบคลุม ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ข่าวนี้ฉุดหุ้นในวอลล์สตรีทวูบทันที อย่างไรก็ตาม ก่อนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการไม่นาน แลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจทำเนียบขาว ออกมาให้สัมภาษณ์ทางซีเอ็นบีซีปฏิเสธว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง หนุนให้ราคาหุ้นกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังปิดการซื้อขายในแดนลบ
ต่อมาวันพุธ (23) หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันอีกแรงว่า ไม่เคยได้ยินว่า มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการประชุม และว่า จีนและสหรัฐฯ ยังคงติดต่อกันเพื่อหาทางสะสางข้อพิพาททางการค้า
คุดโลว์เสริมว่า การขโมยสินทรัพย์ทางปัญญา การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และการจำกัดการเป็นเจ้าของกิจการ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทรัมป์จะไม่ยอมประนีประนอมเด็ดขาด และเสริมว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นมาจะมีกลไกที่รับประกันว่า จีนจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องในการเจรจายังเผยว่า การที่จีนเสนอซื้อสินค้าอเมริกันเพิ่มจำนวนมาก ไม่ใช่ข้อเสนอที่เพียงพอสำหรับทรัมป์หรือคณะเจรจาของอเมริกา
หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ภายในเส้นตาย อเมริกาประกาศจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเป็นอัตรา 25% จากสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ จากอัตราปัจจุบันที่ 10% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ทำให้ตลาดปั่นป่วนมาหลายเดือน
ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลว่า ความขัดแย้งทางการค้ากับอเมริกาอาจบ่อนทำลายความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และพลอยทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย
ในอีกด้านหนึ่งเมื่อวันอังคาร (22) เช่นกัน มาร์ก ไรมอนดี โฆษกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า อเมริกากำลังดำเนินการเพื่อให้แคนาดาส่งตัวเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ของจีน ให้แก่สหรัฐฯภายในเส้นตายตามสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอเมริกา-แคนาดา
เมิ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ถูกจับกุมในสนามบินแวนคูเวอร์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมตามคำขอของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า เมิ่งละเมิดมาตรการแซงก์ชันต่ออิหร่าน โดยขณะนี้ผู้ต้องหารายนี้ได้รับการประกันตัวและรอฟังการไต่สวนเพื่อส่งตัวให้สหรัฐฯ
ตามข้อตกลงนั้น อเมริกามีเวลา 60 วันภายหลังการจับกุมในการร้องขอการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นกระทรวงยุติธรรมแคนาดาจะต้องเริ่มต้นกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลานานเป็นเดือนหรือเป็นปี
ทางด้าน หวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในวันพุธว่า วิพากษ์วิจารณ์การขอให้ส่งตัวเมิ่งของสหรัฐฯว่า เป็นคำขอที่ไม่มี “เหตุผลอันชอบธรรม” และ “ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ”
“นี่คือพฤติกรรมข่มเหงรังแกทางเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง และทุกๆ คนสามารถมองเห็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน” โฆษกหญิงผู้นี้บอก และกล่าวต่อไปว่า สหรัฐฯ “จะไม่ยอมหยุดยั้งอะไรทั้งนั้นในการสยบกดข่มวิสาหกิจไฮเทคของจีน และในการเหนี่ยวรั้งสิทธิในการพัฒนาอย่างถูกต้องชอบธรรมของประเทศจีน”
