เอเจนซีส์ - บริษัทผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่นชื่อดังและเครื่องเป่าผมสัญชาติอังกฤษ “ไดสัน” (Dyson) ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากมาลเมสบิวรี(Malmesbury) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษไปยัง สิงคโปร์ แต่ทว่าผู้ก่อตั้ง BREXIT (James Dyson) กลับรณรงค์สนับสนุน BREXIT ให้อังกฤษลาออกจากสหภาพยุโรป
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวานนี้(22 ม.ค) ว่า บริษัทไดสัน (Dyson) จากอังกฤษ ซึ่งมืชื่อในด้านความเป็นเจ้าผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่นและไดรเป่าผม รวมไปถึงยังมีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในสายการผลิต ล่าสุดวันอังคาร(22) ออกแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทจะทำการย้ายสำนักงานใหญ่จากมาลเมสบิวรี(Malmesbury) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษไปยัง สิงคโปร์ โดยอ้างการตอบสนองที่มากขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียเป็นเหตุผลสำคัญ
“การเพิ่มความต้องการมากขึ้นของลูกค้าไดสัน และในปัจจุบันนี้โรงงานผลิตของเราล้วนแล้วอยู่แต่ในภูมิภาคเอเชีย” บริษัทไดสันกล่าวในรายงานงบดุลของบริษัท และเสริมต่อว่า “ทิศทางนี้ได้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และจะส่งผลทำให้ทางไดสันสามารถนำยานยนต์ไฟฟ้าของทางบริษัทเข้าสู่ตลาดได้ไวมากขึ้น”
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ทางบริษัทจะขยายขนาดศูนย์เทคโนโลยีของบริษัทให้ใหญ่เป็น 2 เท่าที่สิงคโปร์
ในแถลงการณ์ ทางไดสันยืนยันว่า การย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ไปสิงคโปร์จะเกี่ยวข้องการย้ายงานแค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้นคือ จอร์น เจนเซน(Jorn Jensen) หัวหน้าแผนกการเงินไดสัน และมาร์ติน โบเวน (Martin Bowen) ที่ปรึกษาทั่วไปทางกฎหมาย
ซึ่งทางบริษัทชี้ว่า ในปัจจุบันนี้ไดสันมีพนักงานทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 12,000 คน ซึ่งอยู่ในอังกฤษจำนวนกว่า 4,500 คน
โฆษกหญิงของไดสันยืนยันว่า การย้ายออกไปจากอังกฤษไม่ได้ตอบสนองต่อแผนการ BREXIT ที่ทางอังกฤษได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือเงื่อนไขในอังกฤษ “เรายังคงยึดมั่นอยู่กับอังกฤษต่อไป แต่ในเวลานี้มีการเติบโตที่มากขึ้นในภูมิภาคเอเชียเช่นกัน”
นิวยอร์กไทม์สชี้ว่า กระนั้นความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ยังไม่สามารถทำให้ผู้คนออกมาแสดงความเห็นทางโซเชียลมีเดีย ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่พูดอย่างกระทำอีกอย่าง และยังขัดแย้งต่อคำกล่าวอ้างของ เจมส์ ไดสัน (James Dyson) วัย 71 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลักดัน BREXIT โดยชี้ว่า อังกฤษจะดีขึ้นหากออกนอกสหภาพยุโรป
ทั้งนี้พบว่าสิงคโปร์ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปเมื่อตุลาคมปีที่ผ่านมา แต่ทว่าในเวลานี้ ควสามสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปยังคลุมเคลือ จากการที่ทางอังกฤษยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับการลาออกของตัวเอง