xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจจีนเติบโตอัตราต่ำสุดรอบ 28 ปี ปัญหาดีมานด์ภายใน-สงครามการค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i>ภาพถ่ายวันที่ 17 ม.ค. 2019  บรรยากาศของสวนอี้ว์หยวนในนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ซึ่งประดับประดาต้อนรับตรุษจีนปีหมู  ทั้งนี้จีนแถลงวันจันทร์ (21 ม.ค.) ว่า เศรษฐกิจปีที่แล้วเติบโตด้วยอัตรา 6.6% ต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี ถึงแม้ยังอยู่ภายในกรอบที่รัฐบาลแถลงคาดการณ์ไว้ </i>
เอเจนซีส์ - เศรษฐกิจจีน ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วมีอัตราเติบโตชะลอตัวอย่างแรงที่สุดในรอบสิบปี สืบเนื่องจากดีมานด์ภายในที่ทรุดดิ่งและผลพวงสงครามการค้ากับอเมริกา ส่งผลฉุดให้การขยายตัวตลอดปี 2018 ลดลงต่ำสุดในช่วงเวลา 28 ปี คาดกดดันให้ปักกิ่งต้องอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจลื่นไถลลงกว่าเดิม

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (เอ็นบีเอส) แถลงในวันจันทร์ (21ม.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสส่งท้ายปี 2018 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.4% ลดลงจาก 6.5% ในไตรมาสก่อนหน้า ถือว่า ต่ำที่สุดภายหลังจากวิกฤตการเงินทั่วโลกปี 2008 (วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) และฉุดรั้งอัตราการขยายตัวตลอดปีที่แล้วให้อยู่ที่ 6.6% ต่ำที่สุดนับจากปี 1990 โดยที่ในปี 2017 ยังอยู่ที่ 6.8%

สัญญาณการเติบโตชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก กำลังกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทั่วโลก และอันที่จริงก็ส่งผลกดดันคาดการณ์ผลกำไรของพวกบริษัทใหญ่ๆ หลากหลายสาขา ตั้งแต่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไปจนถึงค่ายรถยนต์

ทางด้านผู้วางนโยบายแดนมังกรให้สัญญาออกมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการปลดพนักงานจำนวนมาก แต่ยืนยันว่า จะไม่มีมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่เหมือนในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่แม้ทำให้จีดีพีวิ่งฉิวจริงแต่ต้องแลกด้วยยอดหนี้ภาคสาธารณะสูงขึ้นมหาศาล

ทั้งนี้ ปักกิ่งอาจเปิดเผยมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมระหว่างการประชุมรัฐสภาเต็มคณะประจำปีในเดือนมีนาคม ซึ่งน่าจะมีทั้งการลดภาษีและการเพิ่มการใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค

หนิง จี๋เจ๋อ ผู้อำนวยการเอ็นบีเอส ยอมรับว่า ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบดังกล่าวอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ พร้อมยืนยันว่า จีนมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือสถานการณ์ต่างๆ

ขณะที่ นาโอโตะ ไซโตะ หัวหน้านักวิจัยของสถาบันวิจัยไดวาในโตเกียว มองว่า ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ในภาคการบริโภค เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในอเมริกาและจีนต่างเสื่อมทรุดลงและกังวลกับอนาคต นอกจากนั้นการเพิ่มขึ้นของรายได้สุทธิของผู้บริโภคจีนยังชะลอลง ขณะที่หนี้ภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น
<i>ภาพถ่ายวันที่ 20 ม.ค. 2019 พนักงานรอลูกค้าที่ร้านขายเครื่องประดับแฟชั่น ในช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง เศรษฐกิจจีนปี 2018 เติบโตชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากดีมานด์ภายในประเทศที่ทรุดลง ผสมด้วยสงครามการค้ากับสหรัฐฯ </i>
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวต่อ โดยจะทำได้ในอัตรา 6.3% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐน่าจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนจะเห็นผล ขณะที่ผู้สังเกตการณ์บางคนเชื่อว่า อัตราเติบโตที่แท้จริงยังน่าจะต่ำกว่าที่ทางการรายงานอีกด้วย

นอกจากนั้น จากข้อมูลเศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคมและจีดีพีที่เผยแพร่ออกมาคราวนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนช่วงปลายปีที่แล้วชะลอตัวในเกือบทุกภาคส่วน จะมีที่ยกเว้นบ้าง เช่น ผลผลิตของโรงงานที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยอยู่ที่ 5.7%

ขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจคลายความร้อนแรงลงชัดเจน แต่ทางการจีนระบุว่ายังมุ่งมั่นแก้ปัญหามลพิษที่สร้างความกดดันให้ภาคอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในปัจจัยฉุดรั้งการเติบโต นอกเหนือจากการบริโภค สงครามการค้า และการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ

ปีที่แล้ว จีนสั่งชะลอโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟใต้ดินและมอเตอร์เวย์เพื่อจัดการชะลอหนี้สาธารณะ ส่งผลให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% เทียบกับ 19% ในปี 2017

สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนรายงานว่ายอดส่งออกและนำเข้าประจำเดือนธันวาคมหดตัวเกินคาด และคำสั่งซื้อของโรงงานมีแนวโน้มดิ่งต่ออีกหลายเดือน รวมทั้งอาจมีการปลดพนักงานเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์เตือนว่า กระทั่งถ้าหากจีนกับอเมริกาทำข้อตกลงการค้ากันได้ ก็ไม่ได้หมายความถึงยาครอบจักรวาลสำหรับจีนหรือผู้ส่งออกจีน เนื่องจากเวลานี้อุปสงค์วูบลงทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่อเมริกาเท่านั้น

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าของทั้งสองประเทศ ต้องบรรลุข้อตกลงก่อนเส้นตายต้นเดือนมีนาคม ไม่เช่นนั้นวอชิงตันจะขึ้นภาษีศุลกากรระลอกใหม่กับสินค้าจีน โดยหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะเจรจาของจีน มีกำหนดเดินทางไปวอชิงตันเพื่อหารือรอบต่อไปในช่วงสิ้นเดือนนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น