รอยเตอร์ - ชาวมุสลิม 2.8 ล้านคนบนเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์เข้าคูหาลงประชามติว่าด้วยการแบ่งพื้นที่จัดตั้งเขตปกครองตนเองในวันนี้ (21 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพที่รัฐบาลหวังจะช่วยยุติกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนซึ่งเป็นสาเหตุของความยากจนและทำให้พื้นที่แถบนี้กลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรง
ประชาชนจะต้องตอบคำถามว่า พวกเขาเห็นด้วยหรือไม่กับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลมะนิลากับฝ่ายกบฏว่าด้วยการจัดตั้งเขตปกครองตนเอง “บังสาโมโร” (Bangsamoro) ซึ่งเป็นชื่อที่อดีตเจ้าอาณานิคมสเปนใช้เรียกขานประชากรมุสลิมในพื้นที่นี้
ผู้สังเกตการณ์คาดว่าประชาชนส่วนใหญ่จะโหวต ‘เห็นด้วย’ ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายอำนาจด้านการปกครอง นิติบัญญัติ และการจัดการงบประมาณสู่พื้นที่ตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งเผชิญเหตุความไม่สงบมานานถึง 40 ปี และมีผู้คนล้มตายไปแล้วมากกว่า 120,000 คน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกลางจะยังคงมีอำนาจกำกับดูแลในด้านกลาโหม ความมั่นคง การต่างประเทศ และนโยบายการเงิน โดยจะแต่งตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านที่คาดว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะมาจากแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (Moro Islamic Liberation Front - MILF)
“เรามั่นใจว่าฝ่ายที่เห็นด้วยจะต้องชนะ” มูราด เอบราฮิม ประธาน MILF ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นฟิลิปปินส์วันนี้ (21)
“ถ้าไม่มีการแทรกแซงหรือข่มขู่เกิดขึ้น ประชาชนจะต้องให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม”
ความสำเร็จในการจัดตั้งเขตปกครองตนเองสำหรับชาวมุสลิมในภาคใต้จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต เพราะแม้จะผ่านการเจรจามาแล้วหลายรัฐบาล แต่ ดูเตอร์เต ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองดาเวามานานถึง 22 ปี ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลักดันให้รัฐสภายอมสนับสนุนแผนการนี้ ในขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์คนก่อนๆ ทำไม่ได้
สำหรับผลประชามติคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ (25)
สัปดาห์ที่แล้ว ดูเตอร์เต เรียกร้องให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนช่วยกันโหวตสนับสนุนแผนตั้งเขตปกครองตนเองบังสาโมโร เพื่อแสดงให้ทั่วโลกประจักษ์ว่าพวกเขาต้องการสันติภาพ การพัฒนา และผู้นำท้องถิ่น “ซึ่งเป็นตัวแทนและเข้าใจความต้องการของชาวมุสลิมอย่างแท้จริง”
ฝ่ายสนับสนุนเชื่อว่าการตั้งเขตปกครองตนเองจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีอัตราการจ้างงาน รายได้ การศึกษา และการพัฒนาต่ำที่สุดในฟิลิปปินส์ และยังเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกโจรสลัด แก๊งลักพาตัว และกลุ่มติดอาวุธที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
MILF ประณามแนวทางของพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง และชี้ว่าความผิดหวังเรื่องการกระจายอำนาจที่ล่าช้าคือสาเหตุที่ทำให้พวกกบฏที่ภักดีต่อไอเอสบุกยึดเมืองมาราวี (Marawi) เมื่อปี 2017 ซึ่งกองทัพฟิลิปปินส์ต้องใช้ปฏิบัติการจู่โจมทั้งภาคพื้นดินและอากาศอยู่นานถึง 5 เดือนกว่าจะชิงเมืองกลับคืนมาได้
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่เกาะมินดาเนามาจนกระทั่งทุกวันนี้
MILF และรัฐบาลฟิลิปปินส์หวังว่า การกระจายอำนาจปกครองจะนำไปสู่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงกระตุ้นการส่งออกผลไม้และนิกเกิล และพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในพื้นที่แถบนี้