เอเอฟพี/MGR - มาจนถึงเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมารับผิดชอบ หลังกลุ่มมือปืนไม่ทราบฝ่ายในชุดสีดำควงปืนไรเฟิลบุกยิงพระสงฆ์ภายในวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันศุกร์ (18 ม.ค.) จนถึงกับทำให้เจ้าอาวาสและพระลูกวัดจำนวน 2 รูป มรณภาพ และมีพระลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีก 2 รูป ตำรวจไทยแถลงเมื่อวานนี้ (19 ม.ค) ด้านกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ ชี้ นับตั้งแต่ปี 2004 พบสงฆ์ไทยทางใต้ถูกสังหารไปแล้วร่วม 23 รูป มีคนเสียชีวิตเกือบ 7,000 ราย ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม ฮิวแมนไรท์วอชท์ประณามบุกยิงพระ “ป่าเถื่อน” และเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ว่า กลุ่มติดอาวุธชุดดำพร้อมปืนไรเฟิล บุกเข้าไปภายในวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งติดกับพรมแดนมาเลเซีย ในช่วงค่ำวันศุกร์ (18 ม.ค.) โดยในรายงานของสื่อไทย ชี้ว่า เป็นคนร้ายที่แต่งชุดดำเลียนแบบเจ้าหน้าที่รัฐบุกเข้าไปในเวลา 20.30 น. และเริ่มต้นกราดยิง
โดย พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า “การโจมตีเริ่มขึ้นในเวลา 19.30 น. เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มไม่ทราบจำนวนแต่งกายในชุดสีดำบุกเข้าไปภายในวัดผ่านบริเวณด้านข้างติดกับห้วย” และเสริมต่อว่า “มีพระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป ส่วนอีก 2 รูปได้รับบาดเจ็บ”
เอเอฟพีรายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2004 มีการประทะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มกบฎมุสลิมเชิ้อสายมาเลย์และทางการไทย ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ได้สังหารชีวิตคนไปแล้วเกือบ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่พบเป็นพลเรือนจากทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม
เอเอฟพียกความดีให้กับรัฐบาลทหารของไทยที่สามารถทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทางใต้ลดลงในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้จัดการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น แต่กลับพบว่า ความรุนแรงได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งในไม่กี่วันมานี้ ส่งผลทำให้เกิดความวิตกไปถึงบรรดาเป้านิ่งเป็นต้นว่า โรงเรียน และสถานที่สำคัญทางศาสนา
เอเอฟพีกล่าวว่า พระสงฆ์ไทยในอดีตตกเป็นเป้าการโจมตีถึงแม้จะไม่บ่อยครั้ง
แต่ทว่าในเวลานี้ พระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงได้รับคำแนะนำไม่ให้ออกเดินบิณฑบาตในช่วงเช้าและให้เก็บตัวอยู่แต่ในวัด เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (19) ใน 3 จังหวัดที่อยู่ลึกลงไปทางใต้ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตสีแดง
ด้านทางผู้บัญชาการกองทัพภาคใต้ได้เพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้เข้มงวดแก่ผู้นำทางศาสนามุสลิมที่อาจตกเป็นเป้าอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน
หลังจากเหตุการณ์บุกยิงพระสงฆ์ที่วัดรัตนานุภาพเกิดขึ้น พบว่าผู้นำไทยได้ออกมาประณามในเรื่องนี้
ด้านกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ออกแถลงการณ์กล่าวประณามการบุกโจมตีพระสงฆ์ที่ จ.นราธิวสาส โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า “ป่าเถื่อน” และถือเป็น “อาชญากรรมสงคราม” เหตุเพราะกลุ่มติดอาวุธมีเป้าหมายไปที่พลเรือนและวัดซึ่งเป็นสถานที่สักการะทางศาสนา
“การโจมตีที่ป่าเถื่อนต่อพระสงฆ์ในศาสนาพุทธด้วยฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดทางใต้ของไทย ถือเป็นความรับผิดชอบทางศีลธรรม และอีกทั้งยังเป็นอาชญากรรมสงคราม กลุ่มคนเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังต้องถูกนำตัวมาลงโทษ” แบรด อดัม ( Brad Adams) ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำภูมิภาคเอเชียกล่าว
และในแถลงการณ์ยังเสริมต่อว่า “กลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุนาน 15 ปี มีเป้าหมายเพื่อทำร้ายชาวพุทธและพลเรือนชาวมุสลิมนั้น ไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้”
กลุ่มฮิวแมนไรท์วอชท์ ยังชี้ว่า มีกลุ่มพระสงฆ์ถูกสังหารไปแล้วถึง 23 รูป และบาดเจ็บอีก 20 รูป นับตั้งแต่การเริ่มเกิดปะทุความรุนแรงจากกลุ่มก่อความไม่สงบเมื่อปี 2004
นอกจากนี้ กลุ่มติดอาวุธยังมีเป้าหมายเล่นงานเจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันพระสงฆ์ในการเดินทางทั้งไปและกลับวัด ฮิวแมนไรท์วอชท์แถลง
ในรายงานของฮิวแมนไรท์วอชท์ยังอ้างไปถึงพยานในเหตุการณ์ที่ได้ให้ข้อมูลว่า
พวกเขาเห็นกลุ่มติดอาวุธเดินทางมาถึงวัดด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และเริ่มเปิดฉากยิงด้วยอาวุธปืนไรเฟิลที่วัด ก่อนที่จะบุกเข้าไปข้างใน และทำการจ่อยิงพระสงฆ์ ซึ่งหนึ่งในพระที่มรณภาพเป็นเจ้าอาวาสรัตนานุภาพ พระครู ประโชติ รัตนานุรักษ์
เอเอฟพีชี้ว่า ในเวลานี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว อิหม่ามจาก จ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิต แต่ทว่าในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุบุกยิงพระวัดรัตนานุภาพนั้นเชื่อมโยงด้วยหรือไม่
ในแถลงการณ์ที่ออกมาน้อยครั้ง ซึ่งล่าสุดออกมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional - BRN) หรือที่เรียกว่า “ขบวนการบีอาร์เอ็น” ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ ประกาศที่จะสู้ต่อไป
“สยาม (ประเทศไทย) ไม่สามารถต้านทานได้” พร้อมกับข่มขู่ต่อว่า “อย่าให้การช่วยเหลือ หรือสนับสนุนสยาม”
ด้านนักวิเคราะห์ความมั่นคง Don Pathan กล่าวแสดงความเห็นว่า ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเชื่อมโยงจากความพยายามของผู้เจรจาฝ่ายไทย และผู้ให้การช่วยเหลือมาเลเซีย ในการข้ามพรมแดน “เพื่อกดดันสภาองค์กรนำของขบวนการบีอาร์เอ็นให้เข้าสู่โต๊ะเจรจาโดยปราศจากการยื่นข้อเสนอในการให้สัญญาก่อน”