xs
xsm
sm
md
lg

จีนโวยตะวันตกปั้นข้อหาใส่'หัวเว่ย' สื่อมังกรแนะปักกิ่งตอบโต้โปแลนด์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โลโก้ของหัวเว่ย เห็นเด่นชัด ที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทจีนแห่งนี้ ในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
เอเจนซีส์ – เอเจนซีส์ - จีนเรียกร้องในวันจันทร์ (14 ม.ค.) ให้ประเทศตะวันตกยุติ “การเสกสรรปั้นแต่ง” ข้อหาใส่หัวเว่ย ขณะที่สื่อในเครือพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกร้องให้ปักกิ่งดำเนินมาตรการตอบโต้ หลังจากที่โปแลนด์จับกุมพนักงานระดับบริหารคนหนึ่งของบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมชื่อดังสัญชาติจีนแห่งนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของวอร์ซอระบุว่าอาจจำกัดไม่ให้หน่วยงานภาครัฐใช้ผลิตภัณฑ์หัวเว่ย ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรยังตอบโต้นายกรัฐมนตรีแคนาดา ยืนยันอดีตนักการทูตแดนใบเมเปิลที่ถูกจับฐานสงสัยเป็นภัยความมั่นคงนั้น ไม่ได้มีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองแล้ว

หัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังถูกฝ่ายตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ รณรงค์เรียกร้องรัฐบาลชาติต่างๆ ไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยกล่าวหาว่าอาจถูกปักกิ่งใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการสอดแนมทำจารกรรม

ถึงแม้ไม่มีการเสนอหลักฐานใดๆ ในเรื่องนี้ต่อสาธารณชน และหัวเว่ยก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็มีหลายชาติตะวันตกออกมาตรการจำกัดหัวเว่ยในการเข้าถึงตลาดของพวกตน

เมื่อวันศุกร์ (11) โปแลนด์ได้จับกุม หวัง เว่ยจิง ผู้อำนวยการฝ่ายขายของหัวเว่ยประจำประเทศยุโรปตะวันออกแห่งนี้ และชายชาวโปแลนด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของทางการอีกคนหนึ่ง ในข้อหากระทำจารกรรมให้จีน จากนั้นทางหัวเว่ยได้ประกาศไล่ออกพนักงานผู้นี้ พร้อมแถลงว่าการจับกุมคราวนี้เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางบริษัท

ถึงแม้โฆษกของหน่วยงานด้านข่าวกรองของโปแลนด์ได้ยืนยันในทำนองเดียวกันนี้ แต่ คาโรล โอคอนสกี เจ้าหน้าที่รัฐบาลโปแลนด์ซึ่งรับผิดชอบด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ได้บอกกับรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ (13) ว่า หลังการจับกุมคราวนี้ ยังไม่มีการเสนอให้เปลี่ยนแปลงนโยบาย “อย่างกะทันหัน” ใดๆ ต่อหัวเว่ย แต่อาจจะมีการทบทวนกันสำหรับการที่หน่วยงานภาครัฐจะใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจีนรายนี้

ปรากฏว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หวา ชุนอิง ได้ตอบโต้เรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติที่ปักกิ่งในวันจันทร์ (14) โดยเธอบอกว่า จีนหวังว่าฝ่ายโปแลนด์จะทำงานเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันและธำรงรักษาความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน

เธอกล่าวว่า มี “บางคน” หาทางใช้ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงในเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคง เพื่อ “กำราบและจำกัดการพัฒนาในต่างแดนของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีของจีน”

“เราเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ยุติการเสกสรรปั้นแต่งอย่างไม่มีมูลเช่นนี้ และการจำกัดอย่างไร้เหตุผลต่อหัวเว่ยและบริษัทจีนรายอื่นๆ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม, ดีงาม, และเที่ยงตรง สำหรับการลงทุนของกันและกัน และความมร่วมอันเป็นปกติระหว่างบริษัทของทั้งสองฝ่าย”

“การใช้เหตุผลด้านความมั่นคงเพื่อหลอกลวง, ขัดขวาง, หรือจำกัดความร่วมมืออันเป็นปกติระหว่างบริษัทต่างๆ ในท้ายที่สุดก็รังแต่จะสร้างความเสียให้แก่ผลประโยชน์ของพวกเขาเอง” เธอกล่าว

นอกจากนั้นในวันจันทร์ บทบรรณาธิการของโกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ในเครือของหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ปากเสียงอย่างเป็นทางการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เตือนโปแลนด์ว่า จะต้องรับผิดชอบการจับกุมหวัง เว่ยจิง พนักงานของหัวเว่ย

บทบรรณาธิการเสนอแนะว่า ปักกิ่งควรเจรจาขั้นเด็ดขาดและดำเนินการตอบโต้วอร์ซอ เพื่อช่วยให้โลกรับรู้ว่า โปแลนด์เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของอเมริกา พร้อมกับบอกด้วยว่า ถ้าหัวเว่ยได้รับผลกระทบ ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคมจีน รวมทั้งโลกก็อาจเข้าใจว่า การข่มเหงรังแกบริษัทจีนเป็นสิ่งที่ทำได้

“จีนต้องไม่อ่อนข้อในจุดนี้ ปักกิ่งไม่ได้จะรังแกวอร์ซอ และก็ไม่มีค่าอะไรที่จะทำเช่นนั้น หากแต่ฝ่ายหลักจะต้องจ่ายค่าตอบแทนจากการก้าวร้าวของตน” บทบรรณาธิการนี้กล่าว

ในอีกด้านหนึ่ง สืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ (11) นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา ได้ตำหนิจีนอย่างรุนแรงเรื่องการควบคุมตัวชาวแคนาดา 2 คนภายหลังจากที่เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) และลูกสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ถูกจับกุมในแวนคูเวอร์ตามคำขอของอเมริกาเมื่อเดือนธันวาคม โดยผู้นำออตตาวากล่าวหาปักกิ่งด้วยว่าไม่เคารพหลักการเอกสิทธิ์ทางการทูต

เมื่อวันจันทร์ (14) หวาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยไม่ได้ระบุชื่อทรูโดโดยตรงว่า ผู้ที่จะนำอนุสัญญากรุงเวียนนามาเอ่ยอ้างควรศึกษาอนุสัญญาฉบับนี้อย่างจริงจังเสียก่อน และสำทับว่า ไม่ว่าจะพิจารณาจากบริบทใด ไมเคิล โควริก ก็ไม่มีเอกสิทธิ์ทางการทูตภายใต้อนุสัญญาดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้เป็นนักการทูตแล้ว และเดินทางเข้าจีนโดยใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าธุรกิจ

ทั้งนี้ โควริกคือชาวแคนาดา 1 ใน 2 คนที่ถูกควบคุมตัวในจีนไม่นานหลังจากเมิ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ส่วนอีกคนคือ ไมเคิล สเปเวอร์ เป็นนักธุรกิจ

แม้จีนยืนยันว่า ควบคุมตัวบุคคลทั้งสองเพื่อสอบสวนตามกฎหมายของตน แต่นักการทูตตะวันตกในปักกิ่งชี้ว่า ทั้งสองกรณีเป็นการตอบโต้การจับกุมเมิ่งในแคนาดา และว่า ชาวแคนาดาทั้งสองคนเป็นตัวประกันทางการเมืองที่ปักกิ่งต้องการใช้ต่อรอง

ความสัมพันธ์จีน-แคนาดามีแนวโน้มร้าวลึกกว่าเดิม เมื่อศาลเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เปิดการไต่สวนใหม่ต่อโรเบิร์ต ลอยด์ เชลเลนเบิร์ก ในวันจันทร์

เชลเลนเบิร์กเป็นชาวแคนาดาวัย 36 ปีที่ถูกจับกุมในมณฑลเหลียวหนิงเมื่อปี 2014 ด้วยข้อกล่าวหาลักลอบค้ายาและอาจเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เขาถูกตัดสินจำคุก 15 ปี และยึดทรัพย์ 22,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการอุทธรณ์ในเดือนธันวาคมหรือภายหลังการจับกุมบุตรสาวผู้ก่อตั้งหัวเว่ยในแคนาดา ศาลสูงในเหลียวหนิงวินิจฉัยว่า โทษจำคุก 15 ปีเบาเกินไป ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ที่สุดแล้วเชลเลนเบิร์กอาจต้องโทษประหาร

ทั้งนี้ ทางการแคนาดาเผยว่า กำลังติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้สถานกงสุลให้ความช่วยเหลือเชลเลนเบิร์ก ขณะที่ปักกิ่งยืนกรานว่า ไม่ได้ใช้คดีนี้กดดันทางการทูตต่อออตตาวา


กำลังโหลดความคิดเห็น