xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’โวยไม่จริง ข่าวเรื่องซุกรายละเอียดเจรจาหารือกับ‘ปูติน’ เลี่ยงไม่ตอบเมื่อถูกถาม “เคยทำงานให้รัสเซียหรือเปล่า?”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธรายงานข่าวในวอชิงตันโพสต์ที่ระบุว่า เขาซุกซ่อนไม่ยอมเปิดเผยแบ่งปันรายละเอียดการสนทนาของเขากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ให้พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัฐบาลสหรัฐฯได้ร่วมรับรู้ ขณะเดียวกันก็ไม่ตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่าเคยทำงานให้รัสเซียหรือไม่ โดยโต้กลับว่านั่นเป็นคำถามดูหมิ่นเหยียดหยามมากที่สุดที่เขาเคยถูกถามมา

ทรัมป์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีวีช่องข่าว “ฟอกซ์นิวส์” ในคืนวันเสาร์ (12 ม.ค.) ปฏิเสธข่าวของวอชิงตันโพสต์ซึ่งเขาระบุว่า “น่าหัวเราะเยาะ” จากการที่ข่าวดังกล่าวนี้ได้กล่าวหาว่า เขาใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดซุกซ่อนเนื้อหาของการพูดคุยระหว่างเขากับปูติน ถึงขนาดยึดบันทึกข้อความต่างๆ ของล่ามแปลของเขา รวมทั้งออกคำสั่งห้ามบุคคลผู้นั้นเปิดเผยว่ามีการพูดอะไรกันบ้าง

ทรัมป์บอกว่า เขา “สนทนาอย่างสำคัญยิ่งใหญ่มาก” กับปูติน ระหว่างการประชุมซัมมิตที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในเดือนกรกฎาคม 2018

เมื่อถูกฟอกซ์นิวส์ถามว่าทำไมเขาไม่เผยแพร่รายละเอียดของการสนทนาที่ดำเนินไปเกือบ 2 ชั่วโมงคราวนั้น ทรัมป์ก็ตอบว่า “ผมยินดี ผมไม่แคร์เรื่องการเปิดเผยหรอก”

“ผมหมายความว่า ผมน่ะได้สนทนาเหมือนกับประธานาธิบดีทุกๆ คนทำกันนั่นแหละ คุณนั่งคุยกับประธานาธิบดีของประเทศต่างๆ เยอะแยะ ... เรามีการคุยกันเกี่ยวกับอิสราเอล เกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงให้อิสราเอล และอะไรอื่นๆ อีกเยอะแยะ ... ผมไม่ได้กำลังปิดบังซุกซ่อนอะไรทั้งนั้น ผมนะไม่ได้แคร์เรื่อง (การเปิดเผย) นี้หรอก มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะเหลือเกิน”

เขากล่าวต่อไปว่า “ใครๆ ก็สามารถรับฟังสิ่งที่คุยกันในการพบปะหารือนั่นได้ การพบปะหารือนั่นเป็นสิ่งที่สามารถเรียกหามาฟังกันได้”

ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์ ไม่มีบันทึกรายละเอียดใดๆ ของการพูดคุยเป็นการส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับปูตินตามสถานที่ต่างๆ 5 แห่งในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา

วอชิงตันโพสต์อ้างอิงเจ้าหน้าที่รัฐบาลทั้งในปัจจุบันและในอดีตหลายๆ คนโดยไม่มีการระบุชื่อ ว่าเป็นแหล่งข่าวของข่าวชิ้นนี้

เมื่อถูกฟอกซ์นิวส์ซักถาม ทรัมป์ยังแจกแจงว่า ไม่มีการค้นพบใดๆ ว่ามีการสมคบกันระหว่างทีมรณรงค์หาเสียงในปี 2016 ของเขากับรัสเซีย นอกจากนั้นเขาคุยว่าเขาเป็นผู้สมัครที่ดีเด่นกว่า ฮิลลารี คลินตัน ของพรรคเดโมแครต ตลอดจนอวดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้น “แข็งแกร่งที่สุดในโลก” รวมทั้งโจมตีว่าวอชิงตันโพสต์ “โดยพื้นฐานแล้วคือนักล็อบบี้ให้แก่แอมะซอน” โดยที่ทั้งวอชิงตันโพสต์และแอมะซอนต่างเป็นของอภิมหาเศรษฐี เจฟฟ์ เบซอส

เคยทำงานให้รัสเซีย?

ทรัมป์ยังใช้การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ย้ำตอบโต้เล่นงานรายงานข่าวอีกชิ้นหนึ่งซึ่งเผยแพร่ทางนิวยอร์กไทมส์ก่อนหน้านี้ ที่มีเนื้อหาระบุว่าสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ได้เปิดการสอบสวนลักษณะต่อต้านการจารกรรม เพื่อวินิจฉัยว่าเขามีท่าทางจะกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่ ทั้งนี้การสอบสวนนี้ไม่เคยมีการเปิดเผยปรากฏเป็นข่าวมาก่อนเลย ขณะเดียวกัน เอฟบีไอยังเปิดการสอบสวนลักษณะคดีอาญาเพื่อสืบเสาะว่าทรัมป์กระทำการในลักษณะขัดขวางความยุติธรรมหรือไม่

รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์นี้ ซึ่งเผยแพร่ในวันศุกร์ (11) กล่าวว่า การสอบสวนของเอฟบีไอนี้ในเวลาต่อมาได้ถูกรวมเข้าไปอยู่ในการสืบสวนสอบสวนที่มีขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งดำเนินการโดย โรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพิเศษ หรือก็คืออัยการพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้มุลเลอร์ได้รับมอบหมายให้สอบสวนทั้งเรื่องที่รัสเซียมีการก้าวก่ายแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016 หรือไม่ และเรื่องทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์มีการสมคบร่วมมือกับรัสเซียหรือเปล่า

เมื่อถูกฟอกซ์นิวส์ถามว่า เขาเคยทำงานให้รัสเซียหรือเปล่า ทรัมป์ตอบว่า “ผมคิดว่านั่นเป็นคำถามดูหมิ่นเหยียดหยามกันมากที่สุดเท่าที่ผมเคยถูกถามมาทีเดียว” เขากล่าว โดยที่ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวตรงๆ

เขาโจมตีข่าวของนิวยอร์กไทมส์ว่า เป็น “รายงานข่าวมุ่งดูหมิ่นเหยียดหยามกันมากที่สุดเท่าที่ผมได้เคยถูกเขียนถึง และถ้าหากคุณอ่านข้อเขียนนี้ คุณก็จะพบว่ามันไม่ได้มีการพบอะไรเลยอย่างสิ้นเชิง”

ทั้งนี้ ข่าวของนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ไม่มีหลักฐานใดๆ ปรากฏสู่สาธารณชนเลยว่า ทรัมป์มีการติดต่ออย่างลับๆ หรือรับการชี้แนะกำหนดทิศทางทางจากพวกเจ้าหน้าที่รัสเซีย

นิวยอร์กไทมส์บอกด้วยว่า เอฟบีไอมีความสงสัยเรื่องความผูกพันระหว่างทรัมป์กับรัสเซียในช่วงการรณรงค์หาเสียงปี 2016 แต่ได้ชะลอการเปิดการสอบสวนเอาไว้ก่อน จวบจนกระทั่งประธานาธิบดีทรัมป์ปลด เจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ โดยที่โคมีย์เป็นผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมยุติการสอบสวนเรื่องรัสเซีย

เท่าที่ผ่านมา จากการสอบสวนของทีมงานของเขา มุลเลอร์ได้ยื่นฟ้องร้องบุคคลต่างๆ รวม 33 คน โดยมีทั้งชาวอเมริกันและชาวรัสเซีย และมีผู้ใกล้ชิดกับทรัมป์บางคนถูกศาลพิพากษาลงโทษว่ากระทำความผิดจริง

ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ได้ยอมรับสารภาพว่าให้การเท็จแก่คณะผู้สอบสวนเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับรัสเซีย

ขณะที่ ไมเคิล โคเฮน อดีตนักกฎหมายส่วนตัวของทรัมป์ ได้ถูกลงโทษจำคุก 3 ปีด้วยข้อหาความผิดอาญาหลายๆ กระทง รวมทั้งการละเมิดอย่างชนิดถือเป็นความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ต่อกฎหมายด้านการเงินของการรณรงค์หาเสียง ซึ่งทางอัยการกล่าวหาว่าเขากระทำไปโดยการชี้แนะของทรัมป์

นอกจากนั้น พอล มานาฟอร์ต อดีตประธานทีมรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์ ก็ถูกพิพากษาว่ากระทำผิดจริงในคดีหนึ่งซึ่งฟ้องร้องโดยทีมของมุลเลอร์ และยอมรับสารภาพในอีกคดีหนึ่ง เกี่ยวกับอาชญากรรมทางการเงินซึ่งพัวพันกับการทำงานของเขาในประเทศยูเครนก่อนการรณรงค์หาเสียงปี 2016 , และความผิดเกี่ยวกับการโน้มน้าวพยาน


กำลังโหลดความคิดเห็น