รัฐประหารพลาด! ทหารกาบองถูกจับขณะพยายามยึดอำนาจจากประธานาธิบดี

รอยเตอร์ - มีความพยายามก่อรัฐประหารในกาบองเมื่อวันจันทร์ (7 ม.ค.) แต่สุดท้ายเกิดล้มเหลว ด้วยพวกผู้วางแผนหลายคนถูกรวบตัวไม่นานหลังจากพวกเขาบุกยึดสถานีวิทยุแห่งรัฐ ในความพยายามโค่นอำนาจประธานาธิบดีอาลี บองโก หลังจากที่ตระกูลของเขาปกครองประเทศแห่งนี้มานานกว่า 50 ปี

โฆษกรัฐบาลเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ 4 จากทั้งหมด 5 นายที่เกี่ยวข้องถูกจับกุมในกรุงลีเบรอวิล ส่วนอีกนายหลบหนีไปและอยู่ระหว่างการตามล่าตัว

ในการสื่อสารทางวิทยุตอนเวลา 04.30 น. (ตรงกับเมืองไทย 10.30 น.) ร.ท.ออนโด โอเบียง เคลลี ที่อ้างตัวว่าเป็นรองผู้บังคับการรีพับลิกันการ์ด ระบุว่าคำปราศรัยเนื่องในวาระปีใหม่จากโมร็อกโกของประธานาธิบดีบองโก ประเทศที่เขากำลังนอนพักฟื้นจากโรคหลอดเลือดสมอง ได้กระพือข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของประธานาธิบดีในการแบกรับความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของเขา

ด้วยเหตุนี้ ร.ท.ออนโด โอเบียง เคลลี ที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าขบวนการเยาวชนรักชาติแห่งกองกำลังความมั่นคงและป้องกันประเทศกาบอง (MPJFDS) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน จึงประกาศว่าคณะก่อการจะจัดตั้ง “สภาฟื้นฟูแห่งชาติ” ขึ้นเพื่อรับประกันการถ่ายโอนอำนาจสู่ประชาชนชาวกาบอง

“เราไม่สามารถทอดทิ้งมาตุภูมิของพวกเรา” นายทหารผู้นี้กล่าว ในภาพวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นด้วยว่ามีทหาร 3 นายสวมหมวกกรีนเบเรต์ของหน่วยรีพับลิกันการ์ด โดย 2 นายยืนถือปืนไรเฟิล

“วันที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาถึงแล้ว เมื่อกองทัพตัดสินใจยืนอยู่ข้างเดียวกับประชาชนเพื่อรักษาประเทศกาบองจากความโกลาหล” ถ้อยแถลงกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนวางมือจากทุกสิ่งที่กำลังทำ แล้วลุกฮือไปพร้อมกัน ออกมายึดครองถนน เข้ายึดอาคารที่ทำการของราชการ และสนามบินทั่วประเทศ

หนึ่งในการปรากฏตัวทางโทรทัศน์ครั้งแรกนับตั้งแต่ล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองในซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนตุลาคม บองโก วัย 59 ปี พูดจาไม่ค่อยชัดและดูเหมือนจะไม่ขยับแขนขวาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาสามารถเดินได้หรือไม่ ในขณะที่เขาพักรักษาตัวอยู่ในโมร็อกโกมานับตั้งแต่นั้น

ด้านนอกสถานีวิทยุ พวกทหารที่ภักดีต่อประธานาธิบดียิงแก๊สน้ำตาใส่ชาวบ้านราว 300 คน ที่ออกมาบนท้องถนนเพื่อแสดงความสนับสนุนความพยายามก่อรัฐประหาร โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ด้านบน

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงนั้นค่อนข้างเงียบสงบ และโฆษกรัฐบาลบอกว่าสถาการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้วหลังการจับกุม

ครอบครัวของบองโก ปกครองประเทศผู้ผลิตน้ำมันแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 1967 โดย อาลี บองโก ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนับตั้งแต่สืบทอดเก้าอี้ต่อจากบิดาของเขา โอมาร์ ผู้ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในปี 2009 ก่อนที่เขาจะได้รับการเลือกตั้งอีกสมัยในปี 2016 ในศึกเลือกตั้งที่แปดเปื้อนไปด้วยคำกล่าวหาโกงและการประท้วงรุนแรง

ทั้งนี้ ด้วย บองโก เฉือนเอาชนะคู่แข่งด้วยคะแนนหวุดหวิดไม่ถึง 6,000 เสียง มันจึงกระพือการปะทะนองเลือดระหว่างพวกผู้ประท้วงกับตำรวจ และสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นมีการจุดไฟเผารัฐสภา

เศรษฐกิจของประเทศแห่งนี้ต้องพึ่งพิงรายได้จากน้ำมันมาช้านาน แต่ส่วนใหญ่เงินเหล่านั้นมักตกไปอยู่ในมือของชนชั้นสูง ในขณะที่ประชากรเกือบทั้ง 2 ล้านคนมีฐานะยากจนข้นแค้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังผลิตและราคาน้ำมันดิ่งลงเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศและโหมกระพือความไม่พอใจของประชาชน ขณะเดียวกันเหตุผละงานประท้วงของคนงานภาคพลังงานก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนแทบเป็นปกติ

ประชาคมนานชาติประณามความพยายามก่อรัฐประหารครั้งนี้ ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศส อดีตเจ้าของอาณานิคม ที่เรียกร้องพลเมืองของพวกเขา 8,900 คนที่อยู่ในกาบอง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปทั่วกรุงลีเบรอวิล

เจ้าหน้าที่กองทัพระบุว่า ความพยายามก่อรัฐประหารดำเนินการโดยเหล่านายทหารหน่วยหนึ่งภายใต้การบัญชาการของเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ยืนยันว่าสำหรับหน่วยอื่นๆ นั้นกำลังเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์

“ประวัติของประธานาธิบดีบองโกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อครั้งที่บิดาของเขาอยู่ในอำนาจ ช่วยลดความเป็นไปได้ที่เหล่าผู้นำทางทหารในปัจจุบันจะสนับสนุนการโค่นอำนาจเขา” จัดด์ เดเวอร์มอนต์ นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และนานาชาติในวอชิงตัน ให้ความเห็น