เอเจนซีส์ - อดีตผู้พิพากษาศาลสูงสุดเวเนซุเอลาหลบหนีไปยังสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านการครองอำนาจสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนในสัปดาห์นี้ นับเป็นผู้สนับสนุนรายล่าสุดที่ตัดสินใจแปรพักตร์ท่ามกลางกระแสบอยค็อตต์ที่นานาชาติมีต่อรัฐบาลการากัส
คริสเตียน เซอร์ปา (Christian Zerpa) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ EVTV ในเมืองไมอามีเมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) ว่า “ผมตัดสินใจเดินทางออกจากเวเนซุเอลาเพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับรัฐบาลของ นิโคลัส มาดูโร”
“ผมเชื่อว่า (มาดูโร) ไม่คู่ควรได้รับโอกาสครั้งที่สอง เพราะการเลือกตั้งที่เขาชนะมานั้นปราศจากทั้งเสรีภาพและการแข่งขัน”
ศาลสูงสุดเวเนซุเอลาแถลงยืนยันว่าผู้พิพากษารายนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วจริง พร้อมระบุว่า เซอร์ปา ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีล่วงละเมิดทางเพศเจ้าหน้าที่หญิงในสำนักงานตั้งแต่เดือน พ.ย. โดยคณะผู้นำศาลยังเสนอให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งด้วย
เซอร์ปา ถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญของ มาดูโร ในศาลสูงสุด ซึ่งมักจะตัดสินเข้าข้างพรรครัฐบาลสังคมนิคมในข้อพิพาททางกฎหมายใหญ่ๆ เกือบทุกคดีนับตั้งแต่ มาดูโร ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเมื่อปี 2013
เขายังเป็นผู้ร่างคำพิพากษาเมื่อปี 2016 ที่อ้างความชอบธรรมให้แก่ มาดูโร ในการลดอำนาจของรัฐสภาลง หลังจากพรรคสังคมนิคมสูญเสียเสียงข้างมากให้กับฝ่ายค้าน
เซอร์ปา ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ ว่า ศาลสูงสุดเวเนฯ เป็นเพียงเครื่องมือของฝ่ายบริหาร และบางครั้งผู้พิพากษาก็ถูกเรียกให้เข้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อรับคำสั่งว่าควรจะตัดสินคดีที่มีความละเอียดอ่อนอย่างไร
ล่าสุด กระทรวงสารสนเทศเวเนฯ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการหลบหนีของอดีตผู้พิพากษา
เซอร์ปา ยอมรับว่า สาเหตุที่ตนไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ชัยชนะของ มาดูโร ในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2018 ก็เพื่อให้มีช่องทางพาครอบครัวหลบหนีออกมาได้
ฝ่ายค้านเวเนฯ เรียกร้องให้นานาชาติปฏิเสธที่จะรับรองรัฐบาล มาดูโร หลังพิธีสาบานตนในวันอังคารนี้ (8) และเมื่อวันศุกร์ (4) ที่ผ่านมา 13 ประเทศในกลุ่ม ‘ลิมากรุ๊ป’ ยกเว้นเม็กซิโกก็ได้ประกาศจุดยืนคว่ำบาตร มาดูโร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้นำเวเนฯ ล้มเลิกแผนสาบานตนด้วย
อย่างไรก็ตาม นักการทูตที่ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์เชื่อว่าคงมีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่จะถึงขั้นปิดสถานทูต หรือตัดความสัมพันธ์กับเวเนซุเอลา
สิ่งที่ เซอร์ปา พูดนั้นตรงกับคำบอกเล่าของ เอลาดิโอ อาปอนเต (Eladio Aponte) อดีตผู้พิพากษาซึ่งหลบหนีจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเบซ ไปพึ่งสหรัฐฯ เมื่อปี 2012 โดย อาปอนเต กล่าวหาว่า ชาเบซ ก็ก้าวก่ายกิจการของศาลอย่างเป็นระบบเช่นกัน
มาดูโร ออกมาอ้างความชอบธรรมของรัฐบาลอีกครั้งเมื่อวานนี้ (6) หลังจากที่การบริหารประเทศในอีก 6 ปีของเขาส่อแววจะถูกต่อต้านจากประชาคมโลก รวมถึงรัฐสภา (National Assembly) ที่ฝ่ายค้านกุมอำนาจอยู่
มาดูโร ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า “ประชาชนมอบความชอบธรรมทางกฎหมายให้แก่เราผ่านการเลือกตั้ง สำหรับพวกที่คิดจะทำลายเจตนารมณ์ของเรา จงรับรู้ไว้ด้วยว่า เวเนซุเอลาจะต้องได้รับการเคารพ!”
การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ปีที่แล้วถูกกำหนดขึ้นโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (Constituent Assembly) ซึ่งเป็นพลพรรคของมาดูโร ในขณะที่แกนนำฝ่ายค้านหลายคนถูกกักบริเวณในบ้านพัก หรือถูกห้ามลงสมัครเลือกตั้ง