xs
xsm
sm
md
lg

อดีตทูตโสมแดงร่อนจดหมายชวนเพื่อนผู้แปรพักตร์ในอิตาลีให้ ‘ลี้ภัย’ ในเกาหลีใต้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โจ ซองกิล รักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงโรม วัย 44 ปี ซึ่งตัดสินใจแปรพักตร์ และกำลังขอลี้ภัยในสหรัฐฯ
รอยเตอร์ - อดีตนักการทูตเกาหลีเหนือฝากคำแนะนำถึงทูตโสมแดงที่แปรพักตร์ในอิตาลีให้เลือกเดินทางมายังเกาหลีใต้แทน หลังมีรายงานจากสื่อแดนมักกะโรนีว่าทูตคนดังกล่าวจะขอลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา

โจ ซองกิล รักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงโรมวัย 44 ปี ได้หายตัวไปพร้อมกับภรรยาหลังเดินทางออกจากสถานทูตไปโดยไม่บอกกล่าวเมื่อต้นเดือน พ.ย.

หนังสือพิมพ์ลารีปุบลิการายงานโดยอ้างแหล่งข่าวการทูตเมื่อวันศุกร์ (4 ม.ค.) ว่า โจ ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันของหน่วยข่าวกรองอิตาลีได้ยื่นหนังสือขอลี้ภัยในสหรัฐฯ แล้ว

ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และสถานทูตอเมริกันในกรุงโซลยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว

แท ยองโฮ อดีตรองเอกอัครราชทูตโสมแดงประจำกรุงลอนดอน ได้ออกจดหมายเปิดผนึกวันนี้ (5) โดยระบุว่า โจ เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย และมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันก่อนที่ตนจะหลบหนีมายังเกาหลีใต้ในปี 2016 ซึ่งตนอยากแนะนำให้เพื่อนคนนี้เดินทางมาขอลี้ภัยในแดนโสมขาวเช่นกัน

แท ย้ำว่า การลี้ภัยในเกาหลีใต้ “คือสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่ทางเลือก” ของนักการทูตโสมแดงที่ปรารถนาจะรวมชาติ เนื่องจากกรุงโซลคือ “ฐานที่มั่น” สำหรับภารกิจดังกล่าว

“ถ้าคุณมาเกาหลีใต้ วันที่เพื่อนร่วมงานของเราและพลเมืองเกาหลีเหนือจะได้รับการปลดปล่อยก็จะใกล้เข้ามา” แท ระบุในจดหมายที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์

“ถ้าคุณมาโซล จะมีนักการทูตอีกหลายคนที่เลือกทำตามอย่างคุณ และการรวมชาติก็จะสำเร็จได้ด้วยตัวของมันเอง”

แท เล่าว่า เขาและครอบครัวเคยไปเยี่ยม โจ ที่กรุงโรมเมื่อปี 2008 ขณะที่ โจ กำลังศึกษาอยู่ที่นั่นเมื่อช่วงปี 2006-2009 โดย โจ ยังช่วยเป็นไกด์พาเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สบาซิลิกาในนครรัฐวาติกัน

แท ระบุว่า แม้เกาหลีใต้อาจจะไม่ใช่ “สวรรค์บนดิน” แต่ก็เป็นสถานที่ที่ โจ จะทำความปรารถนาต่างๆ ให้เป็นจริงได้ พร้อมย้ำว่ายังมีผู้ลี้ภัยโสมแดงอีกกว่า 32,000 คนที่ต้องการรวมชาติ

“ผู้ลี้ภัยที่นี่อาจไม่ร่ำรวยเท่าชาวเกาหลีใต้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุณและผมในฐานะนักการทูตควรจะทำในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต เพื่อส่งต่อประเทศชาติอันเป็นหนึ่งเดียวให้แก่ลูกหลานไม่ใช่หรือ?”
กำลังโหลดความคิดเห็น