รอยเตอร์ – ทรัมป์เซอร์ไพรส์ทหารอเมริกันในอิรัก ด้วยการเดินทางไปยังพื้นที่ขัดแย้งแห่งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง พร้อมย้ำความชอบธรรมในการถอนทหารจากซีเรีย เนื่องจากอเมริกาสามารถเผด็จศึกไอเอสราบคาบแล้ว
การเดินทางครั้งนี้ดูเหมือนเป็นความพยายามของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการสร้างภาพบวกให้ตัวเองหลังจากก่อนหน้านี้ประกาศถอนทหาร 2,000 นายออกจากซีเรีย รวมทั้งครึ่งหนึ่งของกำลังพลทั้งหมด 14,000 นายในอัฟกานิสถาน ซ้ำยังย่นแผนการออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมของ เจมส์ แมตทิส เร็วกว่ากำหนดสองเดือน เพราะไม่พอใจที่มีการเปิดเผยจดหมายลาออกที่แมตทิสระบุว่า ทัศนคติของตนกับประธานาธิบดีไม่ตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปฏิบัติต่อพันธมิตรของสหรัฐฯ
ทรัมป์ที่เดินทางไปพร้อมกับเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 ธ.ค.) ได้ปราศรัยต่อทหารในฐานทัพอากาศอัล อาซัด ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด โดยปกป้องการถอนทหารจากซีเรียว่า เป็นสิ่งที่กระทำได้เนื่องจากสามารถเอาชนะกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้แล้ว
สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาจำนวนมากคัดค้านนโยบายต่อซีเรียของทรัมป์ พร้อมย้ำว่า การต่อสู้กับไอเอสยังไม่จบ และการถอนทหารเป็นการทิ้งให้พันธมิตรตกอยู่ในอันตราย
ทรัมป์ยังถูกวิจารณ์จากนายทหารบางส่วนในกองทัพว่า ไม่เคยเดินทางไปเยี่ยมกำลังพลในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งเลยนับจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว แถมเดือนที่ผ่านมายังยกเลิกการเดินทางไปยังสุสานสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในฝรั่งเศสเนื่องจากฝนตก
ทั้งนี้ แม้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงขนาดใหญ่ในอิรักนับจากไอเอสถูกตีพ่ายหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว แต่ทหารอเมริกัน 5,200 นายยังคงประจำอยู่ในประเทศนี้เพื่อฝึกและให้คำปรึกษากองกำลังอิรักที่สู้รบกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ
ทรัมป์ใช้เวลาอยู่ในอิรัก 3 ชั่วโมงเศษและแวะฐานทัพอากาศแรมสไตน์ในเยอรมนีราวชั่วโมงครึ่งเพื่อจับมือและร่วมถ่ายรูปกับทหารบางส่วนก่อนบินกลับวอชิงตัน
ตามรายงานระบุว่า ทรัมป์มีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีอะเดล อับดุล มาห์ดี ของอิรัก แต่สุดท้ายได้แค่โทรคุยกัน ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีอิรักเผยว่า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ว่า จะพบกันที่ไหนอย่างไร และสมาชิกรัฐสภาอิรักบางคนแย้มว่า อับดุล มาห์ดีปฏิเสธคำขอของทรัมป์ให้ไปพบที่ฐานทัพอากาศ อัล อาซัด
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว อธิบายว่า เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและการเดินทางเยือนของทรัมป์ที่กระชั้นอย่างมาก และสำทับว่า การหารือทางโทรศัพท์เป็นไปอย่างดียิ่ง นอกจากนั้น ผู้นำอิรักยังรับคำเชิญของทรัมป์ในการเยือนทำเนียบขาวในช่วงปีใหม่
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน และอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต เคยเดินทางไปยังอิรักโดยไม่ประกาศล่วงหน้ามาก่อน เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
ระหว่างอยู่ในอิรัก ทรัมป์ยังหารือกับผู้บัญชาการทหารและเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนการที่จะทำให้อเมริกาคงอยู่บนเส้นทางแห่งชัยชนะโดยสิ้นเชิงเหนือไอเอส และทรัมป์ยืนยันว่า ไม่มีแผนถอนทหารออกจากอิรัก
ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักกับกองทัพสหรัฐฯ เขาไม่เคยรับใช้ชาติระหว่างสงครามเวียดนามเนื่องจากตรวจพบกระดูกงอกที่ส้นเท้า
หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์แต่งตั้งนายทหารระดับนายพลหลายคนในคณะรัฐมนตรีชุดแรก ซึ่งปัจจุบันหลายคนในจำนวนนี้ลาออกไปแล้ว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ยังต้องการยุติการเกี่ยวข้องในความขัดแย้งนอกประเทศที่ยืดเยื้อ และบังคับให้พันธมิตรรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการทหารเพิ่มขึ้นแทนที่จะเบียดบังจากผู้เสียภาษีอเมริกัน