xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกฮือฮา “ไทย” กลายเป็นชาติแรกในเอเชียให้ “กัญชา-กระท่อมเพื่อการแพทย์” ถูกกฎหมาย เป็นของขวัญรับปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เมื่อวานนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเสียงเอกฉันท์ 166-0 อนุญาตให้มีการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษปี 1979 ที่จะอนุญาตให้”กัญชาและกระท่อม” สามารถถูกใช้เพื่อการแพทย์ได้ กลายเป็นชาติแรกในเอเชียที่อนุญาตใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งในที่ประชุมยังมีมติมอบอำนาจให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีความรับผิดชอบในการกำหนดโซนนิ่งกัญชาและกระท่อมทั้งปลูกและเสพได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย

DW สื่อเยอรมนีรายงานเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. มีมติเสียงเอกฉันท์ด้วยมติ 166-0 และงดออกเสียง 13 เสียง อ้างตามรายงานสื่อไทย อนุญาตให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษปี 1979 นำกัญชาและกระท่อมพ้นออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 เพื่อให้สามารถถูกนำมาใช้ด้านการแพทย์ได้

โดย สมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในที่ประชุมระหว่างการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์โดยกล่าวว่า

“นี่ถือเป็นของขวัญปีใหม่จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้แก่รัฐบาลและประชาชนชาวไทย”

นอกจากนี้ยังเสริมว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษจะเป็นการเปิดโอกาสที่จะสามารถช่วยผู้ป่วยจากโรคร้ายเรื้อรังได้

สื่อไทยร่ายงานเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า ทั้งนี้ในขณะที่ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ วาระ 2-3 จำนวน 28 มาตรา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่มี สมชาย แสวงการ นั่งทำหน้าที่เป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเนื้อหาสำคัญของการพิจารณาในที่ประชุมพบว่า อนุญาตให้นำเอากัญชาและกระท่อมออกจากกลุ่มยาเสพติดประเภท 5 เพื่อการวิจัยทางการแพทย์และการรักษาโรคภายใต้การควบคุมของแพทย์

ในประเด็นสำคัญยังมีการอนุญาตให้สามารถทำการผลิต ขอนำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือซื้อขายในเชิงการแพทย์ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย ซึ่งตามกำหนดเดิมกล่าวว่าหากมีกัญชาหรือกระท่อมอยู่ในการครอบครองเกิน 10 กิโลกรัม อาจถือได้ว่ามีไว้เพื่อการจำหน่าย

และในรายละเอียดตามการรายงานของสื่อไทย ยังระบุไปถึงหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการผลิต การขอนำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือจำหน่ายทางด้านการแพทย์ เป็นต้นว่า หน่วยงานมหาวิทยาลัยที่มีการวิจัยทางการแพทย์ หรือผู้ที่ประกอบอาชีพทางการแพทย์ เป็นต้นว่า เภสัช ทันตแพทย์ แพทย์ รวมไปถึงแพทย์แผนไทย และผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อรักษาโรค เป็นต้น

สื่อเยอรมนีชี้ว่า ทั้งนี้ไม่ถือเป็นที่น่าแปลกใจที่ไทยจะกลายเป็นชาติแรกในเอเชียปลดล็อกการใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย เป็นเพราะไทยมีวัฒนธรรมการใช้กัญชาเพื่อบำบัดอาการปวด และความอ่อนล้ามานานจนกระทั่งหยุดไปเมื่อช่วงยุค 1930

โดยในที่ประชุม สนช.เมื่อวานนี้ (25) พบว่าทางสภายังกำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)มีความรับผิดชอบในการกำหนดโซนการปลูกทั้งกัญชาและกระท่อมอย่างถูกกฎหมาย

โดยสำหรับการจัดทำโซนนิ่งนั้น ทาง ป.ป.ส.มีอำนาจกำหนดพื้นที่เพื่อการปลูก ผลิต ทดสอบ “หรือแม้กระทั่งเสพ” และการครอบครองตามปริมาณภายใต้การควบคุม ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าทาง ป.ป.ส.จะเป็นผู้กำหนด “โซนนิ่งเสพกัญชา-กระท่อม” ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ในเวลานี้ยังไม่ชัดว่าจะเป็นที่ใดหรือจุดใดบ้าง

DW รายงานว่า ในวันอังคาร (25) รองนายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.อ.ดร.ประจิน จั่นตอง ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในช่วงเช้าโดยชี้ว่า ทางรัฐบาลไทยจะทำการประเมินถึงการที่กัญชาและกระท่อมเหล่านี้จะปลูกอย่างไร รวมไปถึงกำหนดจำนวนการควบคุมหลังจากมีผลบังคับใช้ในปีหน้า

ทั้งนี้ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ระบุว่า ในวันศุกร์ (28) ตนจะเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากการขอจดสิทธิบัตรของต่างชาติ และหลังปีใหม่ทาง “มหาวิทยาลัยรังสิต” ก็จะนำข้อมูลจากการรวบรวมของฝ่ายกฎหมายทั้งหมด ยื่นฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญาทันที เพื่อให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรก่อนที่กฎหมายจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา


กำลังโหลดความคิดเห็น