เอพี/MGRออนไลน์ - ร่างของแจ็คเกลิน คาล แมคคีน (Jakelin Caal Maquin)เด็กหญิงวัย 7 ปีที่เสียชีวิตระหว่างถูกสหรัฐฯควบคุมตัวเมื่อต้นเดือน ส่งกลับมาถึงกัวเตมาลาแล้วในวันอาทิตย์(23 ธ.ค)แต่ทว่าปู่ของหนูน้อยยอมรับอย่างขมขื่นว่า ทางบ้านไม่มีแม้แต่ค่ารถเพื่อจะไปรับหีบศพที่สนามบินในกรุงกัวเตมาลา ซิตี
เอพีและเดลีเมลรายงานเมื่อวานนี้(24)ว่า หีบศพสีขาวใบเล็กที่มีร่างของแจ็คเกลิน คาล แมคคีน (Jakelin Caal Maquin)วัยแค่ 7 ปี ถูกส่งจากสหรัฐฯกลับมาถึงท่าอากาศกรุงกัวเตมาลา ซิตีในบ่ายวันอาทิตย์(23) ก่อนที่ศพต้องออกเดินทางต่อทางรถ โดยออกจากกรุงกัวเตมาลาซิตีไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นบ้านเกิดของเธอ ตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงทางตอนเหนือร่วม 220 ไมล์และถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันจันทร์(24)
ความตายของ “แจ็คเกลิน” กลายเป็นโศกนาฎกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของนโยบายเข้าเมืองภายใต้รัฐบาลทรัมป์ เดลีเมลรายงานว่า มีการระดมทุนผ่านเพจโกฟันด์มี(Gofundme)ที่ได้รับอนุญาตจากกงสุลกัวเตมาลาเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัวของแจ็คเกลิน เป็นต้นว่า ความจำเป็นพื้นฐาน ค่ายารักษาโรคแก่พี่น้อง 3 คนของเธอ สร้างห้องน้ำและห้องครัวในบ้านที่กัวเตมาลา พริสซิลลา วิลลาเรียล (Priscilla Villareal) ผู้นำชุมชนในรัฐเทกซัสที่เริ่มต้นระดมทุนช่วยครอบครัวแจ็ตเกลินกล่าว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 17.59 น.ตามเวลาประเทศไทยของวันนี้(25) พบว่ายอดตัวเลขบริจาคให้ครอบครัวของแจ็คเกลินอยู่ที่ 3,275 ดอลลาร์จากเป้าหมาย 15,000 ดอลลาร์ในระยะเวลา 6 วัน และมีผู้ร่วมบริจาคในสหรัฐฯทั้งหมดราว 77 คน เมื่อเปรียบเทียบกับโกฟันด์มีเพื่อสร้างกำแพง (We The People Will Fund The Wall) ภายใน 8 วันได้เงินไปแล้วถึง 16,860,100 ล้านดอลลาร์จากเป้าหมายที่ 1 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความเน่าเฟะของอเมริกาได้เป็นอย่างดี
เด็กเพียงแค่ 7 ขวบต้องจบชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 8 ชั่วโมงภายใต้สำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดนสหรัฐฯCPB และไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะพบหมอจนกระทั่งชั่วโมงท้ายๆหลังป่วย
เด็กเริ่มต้นอาเจียนหลังขึ้นรถบัสตอนตี 5 ของวันที่ 7 ธันวาคมที่ทั้งพ่อและเธอนั่งไปพร้อมผู้อพยพคนอื่นๆเพื่อไปยังศูนย์กักกันผู้อพยพของ CBP ที่ตั้งห่างออกไป 90 ไมล์ หรือ 144 กิโลเมตรในลอร์ดสบัก(Lordsburg) รัฐนิวเม็กซิโก
โดยผู้เป็นพ่อ เนอรี กิลเบอร์โต คาล คูซ(Nery Gilberto Caal Cuz)ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบนรถว่า ลูกสาวอาเจียน และเมื่อไปถึงที่หมายในอีก 1 ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้น พ่อของแจ็คเกลินได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯว่า “ลูกสาวหยุดหายใจแล้ว”
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกหน่วยกู้ภัยทางการแพทย์เข้ามาหลังจากนั้นพร้อมกับเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน
และพบว่าเธอต้องถูกช่วยทำให้ฟื้นกลับมามีชีวิตถึง 2 ครั้งหลังไม่หายใจ เธอมีอาการไข้ขึ้นสูงถึง 105.7 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 40.9 องศาเซลเซียส ทางการสหรัฐฯอ้างว่า แจ็คเกลินไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน มีอาการขาดน้ำ ชักและอยู่ในขั้นภาวะช็อก และแถลงสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดมาจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แต่พ่อได้โต้ภายหลังว่า เด็กมีสุขภาพดีก่อนถูกจับ
สหรัฐฯส่งตัวแจ็คเกลินไปทางเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินทางอากาศเพื่อไปยังโรงพยาบาลเด็กโพรวิเดนซ์ (Providence Children’s Hospital)ในเอล พาโซ (El Paso)รัฐเทกซัส แต่เด็กเกิดหัวใจหยุดเต้นระหว่างทาง แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถกู้กลับคืนมาได้สำเร็จ แต่ทว่าไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังถูกส่ง พบเด็กไม่สามารถช่วยชีวิตได้และได้เสียชีวิตลงในที่สุดที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
เป็นที่น่าเสียใจที่ทางการสหรัฐฯกลับส่งตัวพ่อ ญาติคนเดียวที่เดินทางเข้าสหรัฐฯพร้อมแจ็คเกลิน ไปที่โรงพยาบาลในรัฐเทกซัสทางทางรถ ต้องใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงกว่าถึงจะไปถึงจุดหมายสำเร็จ ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอ้างว่า พ่อเด็กมีโอกาสใช้เวลาในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนเธอสิ้นลม
หมู่บ้านในกัวเตมาลาที่เธออาศัยมีประชากรเพียงแค่ 420 คนไม่มีทั้งถนนราดยาง ประปาหรือไฟฟ้าเข้าถึง โดยคนในหมู่บ้านกล่าวกันว่า เป็นเพราะผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ที่ชาวหมู่บ้านปลูกข้าวโพดและถั่วเป็นหลัก ประกอบกับไม่มีงานทำส่งผลทำให้คนในหมู่บ้านเลือกที่จะอพยพหนีออกไปไม่กี่ปีมานี้
โดมิโก คาล(Domingo Caal) ปู่ของแจ็คเกลินยอมรับกับนักข่าวเอพีว่า ทางครอบครัวไม่มีปัญญาแม้แต่จะหาค่ารถเพื่อเดินทางไปถึงกรุงกัวเตมาลา ซิตีเพื่อรอรับหีบศพหลานสาว
เอพีรายงานว่าหีบศพเดินทางมาถึงบ้านของปู่และย่าในหมู่บ้านซาน อันโตนิโอ เซคอร์เตซ ( San Antonio Secortez) จังหวัดอัลตา เวราปาซ( Alta Verapaz) โดยทางครอบครัวได้สร้างที่ตั้งหีบทำด้วยไม้และประดับประดาสถานที่ด้วยบอลลูนสีขาวจำนวนมาก และมีแจกันที่ล้นไปด้วยดอกไม้มากมาย ภาพของแจ็คเกลินตั้งประดับพร้อมกับจดหมายที่มีข้อความเขียนว่า “พวกเราคิดถึงหลาน”
บรรยากาศความเศร้าถึงขีดสุดเมื่อแม่ของเธอ คลอเดีย แม็คคีน( Claudia Maquin) ต้องเผชิญหน้ากับหีบศพลูกสาวตัวเอง เธอปิดหน้าตัวเองและร้องไห้
ทั้งนี้ มาร์ธา ลาร์รา(Marta Larra) โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัวเตมาลาแถลงว่า ทางกัวเตมาลา ซิตีได้ส่งหนังสือแจ้งทางการทูตไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯเพื่อขอให้ทางสหรัฐฯตรวจดูกรณีของแจ็คเกลินและหาสาเหตุการเสียชีวิต
ปู่ของแจ็คเกลินชี้ว่า พ่อของแจ็คเกลิน คือ เนอรี กิลเบอร์โต คาล คูซ มีกำหนดขึ้นศาลสหรัฐฯในวันที่ 3 มกราคมเพื่อพิจารณาถึงสถานภาพการเข้าเมืองของเขา
