xs
xsm
sm
md
lg

‘สื่อดัง’รายงาน ‘ทรัมป์’ยัวะจัดปรึกษาพวกรมต.ว่า มีสิทธิปลด‘ประธานเฟด’ไหม หลังไม่ฟังเสียงท้วงของเขายังขืนขึ้นดอกเบี้ยอีก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i>เจอโรม เพาเวลล์ ประธานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 29 พ.ย. 2018) ทั้งนี้สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรารภกับพวกรัฐมนตรีว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง  ทว่าในเวลาต่อมารัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชิน อ้างคำกล่าวของทรัมป์ ปฏิเสธข่าวนี้ </i>
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สอบถามพวกสมาชิกในคณะรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัวว่า เขามีอำนาจที่จะปลดประธานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เจอโรม เพาเวลล์ ออกจากตำแหน่งหรือไม่ หลังจากอัตราดอกเบี้ยยังคงถูกขยับขึ้นสูง และตลาดหลักทรัพย์ก็ดำดิ่ง ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อมวลชนสหรัฐฯในวันเสาร์ (22 ธ.ค.)

ทั้ง ซีเอ็นเอ็น และ บลูมเบิร์ก ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ทว่ามิได้มีการระบุชื่อ บอกว่าทรัมป์มีอารมณ์โกรธเกรี้ยว เมื่อเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ในวันพุธ (19) ที่ผ่านมา รวมทั้งส่งสัญญาณยังจะขยับขึ้นไปอีกในปีหน้า ถึงแม้จะเชื่องช้าลงกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้

อย่างไรก็ดี ทางด้านรัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชิน อ้างคำกล่าวของทรัมป์ซึ่งปฏิเสธว่าไม่ได้มีแผนการใดๆ ที่จะไล่เพาเวลล์ออก

“ผมไม่เคยเสนอแนะว่าจะปลดประธานเจย์ เพาเวลล์ รวมทั้งผมก็ไม่ได้เชื่อว่าผมมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้” ทรัมป์กล่าว ทั้งนี้ตามทวิตเตอร์ของมนูชิน ซึ่งถ่ายทอดต่อข้อความที่ระบุว่าเป็นความเห็นของประธานาธิบดี

ความพยายามที่จะยุติวาระดำรงตำแหน่งของเพาเวลล์ก่อนกำหนด ย่อมจะต้องถูกมองว่าเป็นการทำร้ายเล่นงานความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯโดยตรง และคุกคามบทบาทอันสำคัญมากของหน่วยงานทรงอำนาจแห่งนี้ในระบบเศรษฐกิจของอเมริกา

รวมทั้งยังน่าจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในตลาดหลักทรัพย์และตลาดการเงินอื่นๆ อีกด้วย
<i>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ภาพถ่ายเมื่อวันศุกร์ 21 ธ.ค. 2018 ที่ผ่านมา) </i>
นโยบายการค้าแบบก้าวร้าวแข็งกร้าวของทรัมป์ ผสมผสานกับการที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีมูลค่าสูงขึ้น ได้ทำให้เกิดความหวั่นกลัวกันในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯและของโลกจะมีการเติบโตชะลอตัวลง และกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นซวนเซอยู่แล้วในช่วงระยะนี้

เมื่อวันศุกร์ (21) วอลล์สตรีทยังคงติดลบเป็นวันที่ 3 ต่อเนื่องกัน ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมากลายเป็นสัปดาห์เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2008 เมื่อตอนเริ่มต้นวิกฤตภาคการเงินทั่วโลก ที่ในเมืองไทยนิยมเรียกกันว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์”

เพาเวลล์ ซึ่งทรัมป์เป็นผู้เสนอชื่อให้วุฒิสภาลงมติรับรอง เข้ารับตำแหน่งประธานของเฟดที่มีวาระละ 4 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ สืบต่อจาก เจเนต เยลเลน

เมื่อวันอังคาร (18) ซึ่งคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีเริ่มการประชุมกันเป็นเวลา 2 วัน ทรัมป์ได้กล่าวเตือนเฟดว่า อย่าได้ “ทำความผิดพลาดอีกครั้งหนึ่ง” ด้วยการขยับปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยนับเป็นวันที่สองต่อเนื่องกันแล้วซึ่งเขาพยายามกดดันธนาคารกลางผ่านทางทวิตเตอร์

เท่าที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แสดงท่าทีหลายครั้งว่าไม่แยแสในเรื่องประเพณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องให้ความเคารพต่อความเป็นอิสระของเฟด โดยที่เขาเรียกหน่วยงานนี้ว่า “บ้า”, “ควบคุมไม่ได้” และเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจที่ใหญ่โตกว่าจีนเสียอีก

ในเดือนตุลาคม ทรัมป์เคยออกมาบอกว่าเขาไม่มีความตั้งใจใดๆ ที่จะปลดเพาเวลล์ แต่ถึงเดือนพฤศจิกายนเขากลับประกาศว่า เขา “ไม่มีความสบายใจแม้แต่นิดเดียว” กับประธานเฟดผู้นี้

ตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ ยังไม่มีความกระจ่างชัดเจนในทางกฎหมายว่าทรัมป์มีอำนาจที่จะปลดประธานเฟดหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น