'หัวเว่ย'ท้า'มะกัน'โชว์หลักฐานข้อหา นำสื่อทัวร์บริษัทลบข้อกังขา'ม้าโทรจัน'จีน

เอเจนซีส์ - ประธานกรรมการ“หัวเว่ย” ท้าอเมริกาและประเทศอื่นๆ โชว์หลักฐานที่ยืนยันว่า บริษัทเป็นภัยคุกคามความมั่นคง พร้อมกับเปิดสำนักงานใหญ่ให้นักข่าวจากสามภูมิภาคเข้าชม เพื่อคลายความกังวลของฝ่ายตะวันตกที่ว่า หัวเว่ยอาจถูกปักกิ่งใช้เป็น “ม้าโทรจัน” คอยสอดแนมต่างชาติ

เคน หู ประธานกรรมการของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากอเมริกา ยุโรป และเอเชียที่ไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองเซินเจิ้น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ธ.ค.) ว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายตะวันตกมาจากประเด็นด้านอุดมการณ์และด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง พร้อมกับเตือนว่า การที่ออสเตรเลียและตลาดอีกหลายแห่งกีดกันไม่ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเครือข่ายสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 หรือ “5จี”นั้น รังแต่ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น อีกทั้งยังขัดขวางการพัฒนานวัตกรรม

เวลานี้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ห้ามการใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเครือข่าย 5จี โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง สองประเทศนี้รวมถึงอเมริกา อังกฤษ ไต้หวัน ยังสั่งห้ามใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของหัวเว่ย ขณะเดียวกันยังมีความกังวลในเรื่องเดียวกันนี้เพิ่มมากขึ้นในฝรั่งเศส เยอรมนี กระทั่งถึงสาธารณรัฐเช็ก ขณะที่สำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลจะไม่สั่งซื้ออุปกรณ์จากซัปพลายเออร์ที่ได้รับการพิจารณาว่า มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่น หัวเว่ย

แม้มาตรการเหล่านี้ส่งผลเล็กน้อยมากสำหรับหัวเว่ย ผู้ผลิตระบบเครือข่ายสื่อสารใหญ่สุดของโลกและผู้นำการพัฒนาระบบ 5จี แต่การตัดสินใจเชิญนักข่าวเข้าชมสำนักงานใหญ่สะท้อนความกังวลของบริษัทจีนแห่งนี้ว่า ถ้ามาตรการปิดกั้นเช่นนี้ลุกลามต่อไป อาจกระทบต่อการเข้าถึงตลาด 5จีของบริษัท ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า จะมีมูลค่าถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022

หูสำทับว่า หากอเมริกาหรือชาติใดมีหลักฐานว่า หัวเว่ยเป็นภัยด้านความมั่นคงก็ควรนำมาเปิดเผย อย่างน้อยกับผู้ดำเนินการระบบโทรคมนาคมที่สั่งซื้ออุปกรณ์หัวเว่ย

หัวเว่ยที่ก่อตั้งในปี 1987 โดยอดีตวิศวกรการทหารของจีน ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุม หรือออกแบบอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการดักฟัง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต่างชาติอ้างอิงกฎหมายจีนที่บังคับให้บริษัทท้องถิ่นร่วมมือกับหน่วยงานด้านข่าวกรอง และแสดงความกังวลว่า ซัปพลายเออร์อุปกรณ์สื่อสารอาจถูกบังคับให้ดัดแปลงผลิตภัณฑ์ของตน

การแจ้งเกิดของระบบ 5จี ยิ่งถูกอ้างเป็นเหตุผลเพื่อกระตุ้นความกลัวดังกล่าว เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการขยายเครือข่ายโทรคมนาคมขนาดใหญ่ให้สามารถเชื่อมต่อกับรถอัตโนมัติ หุ่นยนต์ในโรงงาน อุปกรณ์การแพทย์ และโรงไฟฟ้า ส่งผลให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ตื่นตัวยกระดับเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ของชาติ

หูยืนยันว่า ไม่เคยมีหลักฐานบ่งชี้ว่า อุปกรณ์หัวเว่ยเป็นภัยคุกคามความมั่นคง และบริษัทไม่เคยได้รับคำขอจากรัฐบาลจีนให้ทำลายเครือข่ายหรือธุรกิจของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยถือเป็นผู้เล่นไฮเทคระดับโลกแห่งแรกของจีน ทำให้บริษัทมีความสำคัญทางการเมืองต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต้องการเปลี่ยนผ่านประเทศจีนสู่การเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ตั้งแต่หุ่นยนต์ไปจนถึงพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีชีวภาพ

ปัจจุบัน หัวเว่ยว่าจ้างพนักงาน 180,000 คน และคาดว่า ยอดขายปีนี้จะแตะหลัก 100,000 ล้านดอลลาร์

สกอตต์ เคนเนดี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนจากศูนย์เพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) ในกรุงวอชิงตัน เห็นด้วยว่า อเมริกาและผู้วิจารณ์อื่นๆ ควรเปิดเผยหลักฐานเพื่อแสดงความชัดเจนว่า เหตุใดจึงต้องกีดกันหัวเว่ยซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์รุนแรงหากปักกิ่งตอบโต้ ขณะที่ตอนนี้อเมริกาและจีนมีข้อพิพาทใหญ่โตกันอยู่แล้วในประเด็นการค้า

การปฏิเสธของหูเมื่อวันอังคารถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำหัวเว่ยกล่าวถึงข้อร้องเรียนด้านความมั่นคงโดยตรง เขายังอ้างอิงคำแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมาว่า ปักกิ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้บริษัทท้องถิ่นดัดแปลงอุปกรณ์เพื่อเอื้อประโยชน์ในการสอดแนม

นักวิเคราะห์บางคนเห็นด้วยว่า การไม่มีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหาต่อหัวเว่ยบ่งชี้ว่า อเมริกาหรือยุโรปอาจต้องการแค่สกัดดาวรุ่งจากแดนมังกรดวงนี้ ซึ่งหูกล่าวว่า หากเป็นจริงจะเท่ากับเป็นการสกัดการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อนวัตกรรม รวมทั้งยังทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น โดยอ้างอิงการคาดการณ์จากบริษัทวิจัย ฟรอนเทียร์ อิโคโนมิกส์ ที่ระบุว่า ต้นทุนการติดตั้งสถานีฐานไร้สาย 5จีในออสเตรเลียอาจสูงขึ้น 15-40% ถ้าหัวเว่ยไม่ได้ลงแข่งด้วย

นอกจากถูกกีดกันการเข้าตลาดแล้ว หัวเว่ยยังเผชิญปัญหาใหญ่จากการที่ เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบุตรสาวผู้ก่อตั้ง ถูกแคนาดาจับกุมเมื่อวันที่ 1 ตามคำขอของอเมริกาที่กล่าวหาเมิ่ง ลักลอบค้าขายกับอิหร่านซึ่งถูกอเมริกาคว่ำบาตรอยู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ หูกล่าวว่า หัวเว่ยเชื่อมั่นอย่างสูงว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการค้าอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมั่นใจในความยุติธรรมและความเป็นอิสระของศาลที่พิจารณาคดีเมิ่ง

ส่วนคำถามว่า การจับกุมเมิ่งทำให้ผู้บริหารหัวเว่ยลังเลที่จะเดินทางออกนอกจีนหรือไม่ หูหัวเราะและตอบว่า เขาเพิ่งเดินทางกลับจากยุโรปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันจันทร์ (17)