เอเอฟพี – คณะกรรมการความปลอดภัยที่ก่อตั้งโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯภายหลังเหตุกราดยิงหลายครั้งตามโรงเรียนต่างๆ แนะนำในวันอังคาร (18) ว่า โรงเรียนควรพิจารณาติอาวุธให้พนักงาน และใช้ทหารผ่านศึกเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และยกเลิกระเบียบปฏิบัติสมัยโอบามา
คณะกรรมการกลางด้านความปลอดภัยในโรงเรียน (Federal Commission on School Safety) ที่นำโดย เบ็ตซีย์ เดวอส รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ถูกจัดตั้งหลังจากเหตุสังหารหมู่ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เมื่ออดีตนักเรียนคนหนึ่งก่อเหตุยิงคนตาย 17 คน เป็นชนวนการประท้วงควบคุมอาวุธปืนทั่วประเทศ
คณะกรรมการปฏิเสธข้อเรียกร้องให้เพิ่มเกณฑ์อายุขั้นต่ำในการซื้ออาวุธปืน โดยให้เหตุผลในรายงาน 180 หน้าว่า ผู้ก่อเหตุในโรงเรียนส่วนใหญ่ได้รับอาวุธมาจากสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อน
ในทางกลับกัน พวกเขาแนะนำให้ติดอาวุธพนักงาน กระทั่งครูในบางสภาวะแวดล้อม เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
หลายเขตโรงเรียนที่ตำรวจตอบสนองได้เชื่องช้ากว่า เช่นตามเขตทุรกันดาร อาจได้รับประโยชน์เป็นพิเศษ คณะกรรมการฯ ระบุ
พวกเขายังแนะนำด้วยให้หน่วยงานการศึกษาจ้างทหารผ่านศึกและอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่ง “ยังสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนที่มีประสิทธิภาพได้อีกด้วย”
รายงานเรียกร้องให้มีการทบทวนระเบียบปฏิบัติที่เริ่มใช้ในปี 2014 ภายใต้อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งแนะนำทางเลือกในการพักการเรียนและไล่ออกเพื่อจัดการกับการเลือกปฏิบัติต่อนักเรียนผิวสีและลาติน
รายงานของคณะกรรมการ ระบุว่า มาตรการดังกล่าว “ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อระเบียบและความปลอดภัยของโรงเรียน”
สหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน (American Civil Liberties Union) ประณามข้อเสนอดังกล่าว พวกเขาระบุในถ้อยแถลงว่า “รัฐบาลทรัมป์กำลังใช้ประโยชน์จากโศกนาฏกรรมเพื่อยกเลิกการคุ้มครองสิทธิพลเรือนของเด็กนักเรียน ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่าเชื่อมโยงการปฏิรูประเบียบโรงเรียนกับเหตุกราดยิงในโรงเรียน”
นักเรียนในสหรัฐฯกว่า 219,000 คนเคยมีส่วนร่วมในเหตุกราดยิงในโรงเรียนนับตั้งแต่เหตุสังหารหมู่โคลัมไบน์ไฮสคูลเดือนเมษายนปี 1999 อ้างจากตัวเลขที่รวบรวมโดยวอชิงตันโพสต์
