xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นอนุมัติแผนกลาโหม 5 ปี จ่อทุ่มงบถอย ‘เครื่องบินสเตลธ์-เรดาร์’ แถมอัปเกรดเรือพิฆาตเป็น ‘เรือบรรทุกเครื่องบิน’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เรือพิฆาตบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้นอิซุโมะของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
เอเจนซีส์ - คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นอนุมัติแผนกลาโหมในระยะ 5 ปี ซึ่งกำหนดวงเงินงบประมาณจัดซื้อฝูงบินขับไล่สเตลธ์และระบบเรดาร์อันทันสมัยเพื่อต้านทานการสยายอิทธิพลของจีน รวมไปถึงการอัพเกรดเรือพิฆาตบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำให้กลายเป็น ‘เรือบรรทุกเครื่องบิน’ ชุดแรกของประเทศในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ยืนยันว่า อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งจำเป็นในยามที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญความท้าทายด้านกลาโหมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ และการแผ่อิทธิพลทางทหารอย่างเงียบเชียบของจีนซึ่งสร้าง “ความกังวลใหญ่หลวง” ในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม แผนของ อาเบะ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการละเลยพันธสัญญาในรัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกำหนดให้ญี่ปุ่นต้องจำกัดศักยภาพด้านการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวด

“เราจะเพิ่มพูนศักยภาพด้านการป้องกันประเทศที่จำเป็นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” โยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชนวันนี้ (18 ธ.ค.)

“เราเชื่อว่านี่คือสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ” เขากล่าว

แผนกลาโหมซึ่งผ่านการอนุมัติในวันนี้ (18) ได้กำหนดงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเอาไว้สูงถึง 27.47 ล้านล้านเยนภายในระยะเวลา 5 ปีจนถึงเดือน มี.ค. ปี 2024 ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดเรือพิฆาตชั้นอิซุโมะ 2 ลำให้สามารถรองรับฝูงบินขับไล่ที่ใช้ทางวิ่งระยะสั้นและขึ้น-ลงแนวดิ่งอย่าง F-35B ของค่าย ล็อกฮีด มาร์ติน ของสหรัฐฯ ได้

รัฐบาลญี่ปุ่นยังประกาศแผนจัดซื้อฝูงบินขับไล่ F-35B จำนวน 42 ลำในระยะ 10 ปีข้างหน้า นอกเหนือไปจาก F-35A ซึ่งเป็นรุ่นขึ้น-ลงธรรมดาและไม่สามารถใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบินได้อีก 105 ลำ

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า คำสั่งซื้อล็อตใหญ่นี้อาจมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านเยน หรือราวๆ 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รอยเตอร์ระบุว่า อาวุธอื่นๆ ที่อยู่ในลิสต์ช้อปปิ้งของโตเกียวยังรวมถึงระบบเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศ เอจิส อะชอร์ จำนวน 2 ตัวเพื่อใช้สกัดกั้นขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ, เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง KC-46 Pegasus จากโบอิ้งจำนวน 4 ลำ และเครื่องบินเตือนภัย E-2 Hawkeye จากนอร์ธร็อปกรัมแมนอีก 9 ลำ
นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังถูกกดดันจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่พอใจยอดขาดดุลการค้ามหาศาลที่วอชิงตันมีต่อโตเกียว

นายกฯ อาเบะ เองก็มีนโยบายขยายความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ อย่างจริงจัง และพยายามผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพมานานหลายปี โดยอ้างว่าข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญนั้นขัดขวางไม่ให้กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น (SDF) ทำในสิ่งที่จำเป็นต่อการป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน

คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังให้การรับรองแนวปฏิบัติสำหรับนโยบายกลาโหมในระยะ 10 ปี ซึ่งหันกลับมาเน้นเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์และการป้องกันภัยทางอากาศมากยิ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น 2 คนบอกกับรอยเตอร์ว่า เรือพิฆาตชั้นอิซุโมะซึ่งมีความยาว 248 เมตร และใหญ่พอๆ กับเรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จะต้องผ่านการเสริมดาดฟ้าเรือให้สามารถทนต่อลมร้อนจากเครื่องยนต์ของ F-35 ได้ และอาจติดตั้งทางลาดเอียง (ramps) เพื่อช่วยในการเทคออฟระยะสั้น

เอเอฟพีอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กลาโหมญี่ปุ่นว่า เรือพิฆาตที่ผ่านการอัปเกรด รวมถึงฝูงบินขับไล่รุ่นใหม่ จะช่วยเพิ่ม “ความยืนหยุ่นเชิงปฏิบัติการ” ให้กับกองกำลังป้องกันตนเอง ในขณะที่จีนเริ่มส่งเรือเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้หมู่เกาะห่างไกลในน่านน้ำตอนใต้ของญี่ปุ่นระหว่างเกาะโอกินาวากับไต้หวัน

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ผู้นี้เตือนให้ทุกฝ่ายอย่า “เข้าใจคลาดเคลื่อน” ว่าการอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้ญี่ปุ่นมี “เรือบรรทุกเครื่องบินเต็มขั้น” ที่สามารถส่งไปโจมตีเป้าหมายในภูมิภาคห่างไกลได้ พร้อมยืนยันว่าฝูงบินขับไล่รุ่นใหม่ๆ จะถูกนำมาประจำการตามฐานทัพภาคพื้นดิน ไม่ได้คงเอาไว้บนเรือ
กำลังโหลดความคิดเห็น