เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ซัจจัน กูมาร์ (Sajjan Kumar) อดีตสมาชิกรัฐสภาแดนภารตะจากพรรคคองเกรสอินเดียวัย 73 ปี ล่าสุดถูกตัดสินโทษขั้นจำคุกตลอดชีวิตในบทบาทของเขาต่อเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวซิกข์ปี 1984 ซึ่งหัวหน้าชุมชนชาวซิกข์ออกมาชี้ว่า ตัวเลขการเสียชีวิตสูงกว่าตัวเลขทางการที่ระบุไว้ 2,733 คน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(17 ธ.ค)ว่า ซัจจัน กูมาร์ (Sajjan Kumar) อดีตสมาชิกรัฐสภาแดนภารตะจากพรรคคองเกรสอินเดียถือเป็นตัวบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งเกี่ยวข้องในคดีสังหารหมู่ชาวซิกข์ปี 1984 เกิดหลังจากอดีตนายกรัฐมนตรี อินทิรา คานธี ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตด้วยฝีมือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวซิกข์ 2 คนของเธอเองในขณะที่กำลังเดินอยู่ในสวนภายในบ้านพักของนายกฯเมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ธ.ค 1984
จากสาเหตุที่ 4 เดือนก่อนหน้า นางคานธีได้ออกคำสั่งส่งกำลังทหารไปยังพระวิหารฮัรมัรดิร ซาฮิบ หรือที่รู้จักในนาม พระวิหารทองคำ (the Golden Temple) ที่มีความศักดิสิทธิ์ที่สุดของหมู่ชาวซิกข์ อ้างอิงจากผลงานทางวิชาการของ ศิวัช ศรีโภคางกุล ลงในวารสารทางวิชาการวารสารธรรมทัศน์ Vol. 17 No. 3 ฉบับปี 2017 เพื่อนำตัวผู้นำจิตวิญญาณชาวซิกข์ จัรแนลซิงห์ภินดราวาเล (Jarnail Singh Bhindranwala) และกลุ่มพวกติดอาวุธออกมาในปฎิบัติการดาวสีน้ำเงิน (Blue Star Operation) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย 1984 ซึ่งนอกจากจะมีการใช้กองกำลังทหารแล้ว ยังใช้กองกำลังรถถัง 13 คัน และเฮลิคอปเตอร์อีกหลายตัวยิงเข้าไปยังพระวิหารทองคำจนได้รับความเสียหายขั้นร้ายแรง และถูกทำลาย
อ้างอิงจากศรีโภคางกุลที่ได้ชี้ว่า ทางนิวเดลีมองชุมชนชาวซิกข์ด้วยความสงสัยเรื่อยมา และเชื่อว่าชาวซิกข์ที่อาศัยอยู่มากในแคว้นปัญจาบมีความปราถนาอยากเป็นรัฐอิสระตามอย่างปากีสถาน
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ผู้นำชุมชนชาวซิกข์ในอินเดียออกมาชี้ว่า การสังหารหมู่ชาวซิกข์หลังการเสียชีวิตของนางคานธี ที่กินระยะเวลานาน 4 วันและมีตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจำนวน 2,733 คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขสูญเสียสูงมากกว่านั้นมาก พร้อมยังกล่าวโทษสมาชิกพรรคคองเกรสอินเดียว่า นำไปสู่ความรุนแรงในเวลานั้น และปกป้องผู้อยู่เบื้องหลังนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งกูมาร์ปัจจุบันมีอายุ 73 ปีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำม็อบไปยังเขตตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงนิวเดลี 1 วันหลังจากนางคานธีถูกยิงเสียชีวิต
โดย จากดิช กัวร์(Jagdish Kaur)พยานได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการที่สอบสวนความรุนแรงว่า ดูเหมือนกลุ่มม็อบจะรู้ว่า ครอบครัวชาวซิกข์อาศัยอยู่ตรงจุดใดบ้างในย่านนั้น
และชี้ว่า พวกม็อบได้พังประตูบ้านของเธอเข้าไป และเริ่มตรงทำร้ายสามีของเธอ และลูกชายคนโตของเธอ กัวร์กล่าวให้การผ่านการให้การเป็นหนังสือ
“สามีของดิฉันถูกสังหาร แต่ลูกชายที่ถูกทำร้ายบริเวณศรีษะพยายามจะหลบหนีไป แต่กลับถูกม็อบอีกกลุ่มที่มาทางด้านอื่นจับตัวไว้ได้” และกล่าวต่อว่า “ในตอนแรกเขาถูกตีด้วยท่อนเหล็ก และหลังจากนั้นถูกราดน้ำมันก๊าดเผาทั้งเป็น”
และกัวร์กล่าวต่อว่า ในเช้าวันถัดมากลุ่มม็อบกลับมาอีกครั้งเพื่อจับพี่น้องชาย 3 คนของดิฉันที่สามารถหลบรอดสายตาจากม็อบได้โดยซ่อนตัวบนหลังคา และเมื่อพวกม็อบจากไป พวกเขากลับลงมาและหวังว่า คนที่อยู่ในละแวกเดียวกันจะช่วยปกป้อง แต่คนเหล่านั้นกลับรุมทำร้ายและเผาพวกเขาทั้งเป็นและเสียชีวิต
พยานปากนี้ยังกล่าวต่อว่า ตำรวจอินเดียในเวลานั้นปฎิเสธที่จะรับการแจ้งความจากเธอ และดูเหมือนจะทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับพวกม็อบ
ทั้งนี้พบว่ากูมาร์ในช่วงเวลาเกิดเหตุทำหน้าที่เป็นสมาชิกรัฐสภาอินเดียสังกัดพรรคคองเกรสอินเดียซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในช่วงเวลานั้น เขาถูกไต่สวนพร้อมพวกอีก 5 คนตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา แต่ได้รับการตัดสินให้ไม่ต้องรับความผิดในเกือบทุกข้อกล่าวหา
แต่ทว่าคำตัดสินนั้นถูกพิพากษากลับในวันนี้(17) ที่เขาถูกพิพากษาให้มีความผิดในคดีอาญาต่างๆ รวมไปถึง การยุยงให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย ( abetting murder) และการสมคบคิดเพื่อก่ออาชญากรรม (criminal conspiracy) ซึ่งกูมาร์มีเวลาที่จะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่จนถึงวันที่ 31 ธ.ค นี้
โดยทางศาลอินเดียแถลงว่า ได้พิจารณาถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ในกรุงนิวเดลีและทั่วประเทศเมื่อปี 1984 และถือว่าเป็นคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
“พวกที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่นี้ได้รับการปกป้องจากการเมือง และได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สนใจใยดี” รายงานจากคำแถลงของคณะผู้พิพากษา
สื่ออังกฤษชี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย และบุตรชายของนางคานธี ราจีฟ คานธี ได้อธิบายถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวซิกข์ในครั้งนั้นว่า “เมื่อไม้ใหญ่ถูกโค่น พื้นดินย่อมสั่นสะเทือน”
ราจีฟ คานธี เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารด้วยฝีมือมือระเบิดฆ่าตัวตายเป็นหญิง สมาชิกกองทัพพยัคฆ์ปลดปล่อยทมิฬอีแลมในเวลาต่อมาเมื่อปี 1991 จากเหตุไม่พอใจที่เขาได้ส่งกองกำลังกองทัพพยัคฆ์ปลดปล่อยทมิฬอีแลม และ ราหุล คานธี บุตรชายของราจีฟ ในปัจจุบันทำหน้าที่เป็นประธานพรรคคองเกรสอินเดีย