สายมโน? ผู้นำเวเนฯ อ้างโดน ‘ใบสั่งตาย’ จากทำเนียบขาว

เอเอฟพี - ผู้นำเวเนซุเอลาออกมากล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) ว่าสหรัฐฯ กำลังวางแผนลอบสังหารตน โดยมีรัฐบาลฝ่ายขวาของบราซิลและโคลอมเบียร่วมมือด้วย

ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลากล่าวหา จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว ว่าเป็นคนวางแผนปลุกปั่นให้เกิดเหตุจลาจลวุ่นวายในเวเนซุเอลา เพื่อที่จะโค่นล้มรัฐบาลสังคมนิยมของตน

ผู้นำเวเนฯ อ้างกับสื่อต่างประเทศที่กรุงการากัสว่า รัฐบาลของเขามี “ข้อมูลเชื่อถือได้” ว่า โบลตัน เป็นผู้ “ออกคำสั่งปฏิบัติการยั่วยุทางทหารตามแนวชายแดน”

“ผมขอประณามอีกครั้งต่อแผนการที่ทำเนียบขาวกำลังตระเตรียมเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยในเวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงการลอบสังหารผม และตั้งรัฐบาลเผด็จการขึ้นปกครองเวเนซุเอลา”

มาดูโร ระบุว่า สหรัฐฯ และโคลอมเบียกำลังฝึกฝนทหารเพื่อให้ลงมือปฏิบัติตามแผนที่ว่านี้

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี อิวาน ดูเก แห่งโคลอมเบีย ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลฝ่ายซ้ายของ มาดูโร อย่างเผ็ดร้อน โดย ทรัมป์ นั้นถึงกับเปรยเมื่อเดือน ต.ค. ว่าสหรัฐฯ อาจตัดสินใจส่งทหารเข้าแทรกแซงเพื่อยับยั้งวิกฤตเศรษฐกิจในเวเนซุเอลา

“จอห์น โบลตัน ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนปลุกปั่นความรุนแรงในเวเนซุเอลา เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการส่งทหารเข้าแทรกแซง ก่อรัฐประหาร และสถาปนาสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าสภาบริหารช่วงเปลี่ยนผ่าน” มาดูโร ซึ่งอ้างว่ามีข้อมูลจากแหล่งข่าวต่างชาติมาสนับสนุนทฤษฎีของตน ระบุ

“กองทัพบราซิลต้องการสันติภาพ และไม่มีชาวบราซิลคนไหนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ของ จาอีร์ โบลโซนาโร ส่งทหารมารุกรานพลเมืองเวเนซุเอลา” เขากล่าว

เมื่อวันอาทิตย์ (9) มาดูโร ได้กล่าวสุนทรพจน์โจมตีสหรัฐฯ ว่ากำลังสมคบคิดกับโคลอมเบียวางแผนก่อรัฐประหารในเวเนซุเอลา ทว่าตอนนั้นเขายังไม่ได้อ้างถึงบราซิล

โบลตัน และ โบลโซนาโร เคยพบกันเมื่อปลายเดือน พ.ย. ที่นครรีโอเดจาเนโร ซึ่งถือเป็นการพบปะครั้งแรกระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กับนักการเมืองขวาจัดที่กำลังจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีบราซิลในวันที่ 1 ม.ค.

มาดูโร ยังท้าทายอเมริกาด้วยการเปิดซ้อมรบร่วมกับรัสเซียในสัปดาห์นี้ โดยกองทัพหมีขาวได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์พิสัยไกล 2 ลำไปยังกรุงการากัสด้วย

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามแผนซ้อมรบดังกล่าวว่าเป็น “เรื่องของรัฐบาลฉ้อฉล 2 รัฐบาลที่เอางบประมาณมาผลาญอย่างสุรุ่ยสุร่าย และปิดกั้นเสรีภาพในยามที่ประชาชนกำลังทุกข์ยาก”

ปฏิบัติการซ้อมรบระหว่างทั้ง 2 ชาติมีขึ้นหลังจากที่ มาดูโร เดินทางไปเยือนมอสโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้เข้าพบประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งยืนยันจะให้การสนับสนุนรัฐบาลสังคมนิยมเวเนฯ ต่อไป

มาดูโร ถือเป็นทายาททางการเมืองที่อดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเบซ คัดเลือกมาเองกับมือ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ปี 2013

อย่างไรก็ตาม เวเนซุเอลาในยุคของ มาดูโร กลับเผชิญทั้งปัญหาการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งทะลุเพดาน รวมถึงภาวะขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและเหตุจลาจลทางการเมืองทำให้ชาวเวเนซุเอลาหนีออกนอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 2.3 ล้านคนตั้งแต่ปี 2015 และกำลังกลายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับภูมิภาค

มาดูโร วัย 55 ปี จะสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำเวเนฯ สมัยที่สองต่ออีก 6 ปีในวันที่ 10 ม.ค. หลังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งทั่วไปที่พรรคฝ่ายค้านบอยค็อตต์